"นายกฯ" ขอ เอกชน ออกนโยบายลดใช้พลังงาน ลดอุณหภูมิแอร์ วอน เห็นใจรัฐบาล
"นายกฯ" เผย "ครม." เคาะมาตรการช่วย ปชช. จากวิกฤติพลังงาน เพียบ ลดภาษี กระตุ้นเดินทาง สัมมนาถึงสิ้นปี ขอความร่วมมือทุกภาคส่วน ออกนโยบายลดใช้พลังงาน ลดอุณหภูมิแอร์ ใช้ขนส่งสาธารณะ ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น วอน เห็นใจรัฐบาล ช่วยเต็มที่ ยึดวินัยการคลัง ไม่สร้างภาระในอนาคต
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมครม. ว่า วันนี้ที่หลายคนต้องการทราบคือมาตรการเร่งด่วน ที่จะช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจ จากสถานการณ์วิกฤติพลังงานที่มีแนวโน้มยังคงยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้จากสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรป "เราคาดว่าจะส่งผลกระทบหนักหน่วงสะสมในหลายมิติ ราคาน้ำมันตลาดโลกก็ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่าครึ่งปี ที่ 100 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นทุกวันบางวันก็ลดลงเล็กน้อย บางประเทศงดส่งออกโภคภัณฑ์ที่จำเป็นทำให้ห่วงโซ่อุปทานของโลกขาดแคลน มีผลผูกพันกันไปทั้งสิ้น เงินเฟ้อสูงทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ยุโรป สูงกว่าร้อยละ8 ในรอบหลาย10ปี ทำให้ปัญหาค่าครองชีพของประชาชนปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น สินค้าราคาแพง และเสี่ยงที่จะฟื้นตัวจากเศรษฐกิจที่ชะงักลงในปัจจุบัน"
นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้ติดตามไปอย่างต่อเนื่อง มีความกังวลใจไม่น้อยไปกว่าทุกท่าน ตนได้สั่งการให้มีการประชุมหารือกันตลอดเวลา เพื่อศึกษาและเสนอแนะแนวทางอันเป็นประโยชน์ที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อน วันนี้ครม. มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชนและภาคธุรกิจอย่างเร่งด่วน ทั้งมาตรการใหม่และการขยายมาตรการเดิม ที่จะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.นี้
อาทิ 1.ตรึงราคาขายปลีกก๊าซNGV 45.49 บาทต่อกก. ส่วน NGV ในโครงการ NGV เพื่อลมหายใจเดียวกัน รถแท็กซี่ในกรุงเทพและปริมณฑลอยู่ที่ 13.62 บาท ต่อ กก. เป็นเวลาสามเดือนตั้งแต่ 16 มิ.ย.ถึง15 ก.ย.นี้ 2.การกำหนดกรอบราคาขายปลีก LPG ประมาณ 408 บาทต่อถัง15กก. ตั้งแต่ ก.ค.ถึงก.ย.
นายกฯ กล่าวว่า 3.ขยายเวลาให้ส่วนลด LPG ร้านค้าหาบเร่แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เกิน 100 บาทต่อรายต่อเดือน ออกไปอีก3เดือน ไปจนถึงเดือน ก.ย.นี้ ส่วนผู้ที่มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่ จะได้รับส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อราย เป็นเวลา 3 เดือน 4. อุดหนุนราคาน้ำมันดีเซล ร้อยละ 50 ในส่วนที่ราคาขายสูงกว่า 35 บาทต่อลิตร เป็นเวลา3เดือนถึงก.ย. นี้
นายกฯ กล่าวว่า 5. คงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร 6. ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันนำส่งกำไรจากค่าการกลั่นส่วนหนึ่ง เข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อลดภาระค่าน้ำมันให้กับประชาชนทั้งดีเซลและเบนซิน ในช่วง3 เดือนตั้งแต่ ก.ค.ถึงก.ย.นี้ อันนี้เป็นเรื่องของการขอความร่วมมือก็ขอบคุณบรรดาสถานประกอบการที่ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้
นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังมีมาตรการภาษีสำหรับบริษัท ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล เพื่อสนับสนุนการจัดอบรมสัมมนา นิทรรศการ แสดงสินค้าในประเทศ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยว สนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ สนับสนุนห่วงโซ่อุปทานด้านการท่องเที่ยว ส่งเสริมการบริโภคและการจ้างงาน เป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ ก.ค. ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยสามารถหักรายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าเดินทาง ได้จากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเมืองหลักหักได้1.5 เท่า เมืองรอง 2 เท่า ค่าเช่าพื้นที่ ค่าร่วมงานออกร้านแสดงสินค้าต่างๆ หักรายจ่ายได้2เท่า
"อีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นและยั่งยืนคือขอความร่วมมือกันช่วยประหยัดพลังงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และภาคประชาชนให้ได้มากที่สุด อันนี้เป็นการขอความร่วมมือจากภาคต่างๆ ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งออกนโยบายที่เหมาะสมตามศักยภาพของตนเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเปิดไฟปิดไฟ อุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ ลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น ใช้การประชุมออนไลน์ เหล่านี้เป็นต้น ในส่วนของภาครัฐได้กำหนดไปแล้วให้มีการลดใช้พลังงานลงร้อยละ 20 และเป็นตัวชี้วัดของหน่วยงานด้วย อันนี้ก็คือแนวทางที่รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชน" นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการประเมินสถานการณ์ เรื่องนี้คงไม่สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้ก็จะได้ให้มีการประชุมร่วมกันหารือในเรื่องของการเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ตามสมมุติฐาน ถ้าหากสถานการณ์ยืดเยื้อเป็นระยะเวลาเท่านี้ๆ เราควรจะทำอะไรได้บ้าง ไม่เข่นนั้นเราจะมีปัญหาในเรื่องของการที่จะพอกพูนไปเรื่อยๆ ในการดูแลการสมทบอะไรต่างๆ จะมีปัญหาเรื่องงบประมาณการเงินการคลัง ต่อไปในอนาคต ก็เตรียมแผนตรงนี้ไว้ด้วย
"รัฐบาลยืนยันจะพยายามหาทางช่วยเหลือพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการบนพื้นฐานของวินัยการเงินการคลังที่มีความสมดุล ที่จะต้องไม่ก่อให้เกิดภาระในอนาคตจนมากเกินไป ขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย หลายอย่างเราก็ลดภาษี รายได้เราก็ลดลงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราจำเป็นที่จะต้องใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัด ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน" นายกฯ กล่าว