โต้เตือดท่อส่งน้ำ "ยุทธพงศ์" ซัด"สันติ" เอื้อเอกชน-รมช.คลัง สวนรับงานใคร?
ซักฟอกเดือด!โต้ "ท่อส่งน้ำ" - "ยุทธพงศ์"ซัด"สันติ" เอื้อเอกชน-ส่อฮั้ว ด้านรมช.คลังแจงอีสต์วอเตอร์ให้ผลตอบแทนต่ำ ย้อนถาม "รับงานใครมา"
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระการอภิปรายไม่วางใจ11รัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เน้นย้ำความผิดปกติ การประมูลโครงการบริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก(ท่อส่งน้ำอีอีซี)ที่มีการดำเนินโครงการในลักษระเลี่ยงพ.ร.บ.ร่วมทุน รวมทั้งมีการดำเนินการเอื้อประโยชน์เอกชนที่ไม่มีศักยภาพมาบริหารโครงการ
อีกทั้ง โครงการดังกล่าว ยังพบว่ามีการอนุมัติวิธีการคัดเลือกเอกชนโดยใช้การประมูล ซึ่งเรื่องนี้ นายสันติ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ให้เป็นคณะกรรมการที่ราชพัสดุ ถือว่าเกี่ยวข้องและมีใบเสร็จอย่าง เรื่องนี้นายอาคม ต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบแม้จะมอบอำนาจให้นายสันติแล้วก็ตาม
ขณะที่เกณฑ์การคัดเลือกกลับพบว่า กรมธนารักษ์ มีการปกปิดไม่ให้ข้อมูลโครงการอย่างทั่วถึงมีการเชิญเอกชนเพียง5รายเพื่อทดสอบความสนใจแต่กลับไม่มีการเชิญเอกชนที่มีความสามาถในการดำเนินโครงการ อาทิ บริษัทอิตาเลี่ยน-ไทย หรือบริษัทช.การช่างเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้
นายยุทธพงศ์ ยังกล่าวว่า การคัดเลือกครั้งแรกบริษัท อีสต์วอเตอร์เป็นผู้ชนะ แต่มีการยกเลิกการคัดเลือก พร้อมเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกบริษัทเอกชนชุดใหม่ และแก้ไขเงื่อนไขทีโออาร์ใหม่ โดยยกเลิกลักษณะต้องห้ามบริษัทที่เข้าร่วมประมูล ข้อเสนอทางเทคนิค เพื่อเอื้อประโยชน์เอกชนบางรายที่ไม่มีประสบการณ์ระบบส่งน้ำเข้าร่วมคัดเลือกได้ เหมือนเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า
ในที่สุดการคัดเลือกรอบสองบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เป็นผู้ชนะประมูล และยังเร่งรัดการคัดเลือกให้บริษัท วงษ์สยาม ชนะคัดเลือกในวันที่ 30ก.ย.2564 ที่นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ขณะนั้น เกษียณอายุราชการพอดี จึงไม่สามารถไว้วางใจให้นายสันติทำงานต่อไปได้
จากนั้น นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงว่า เหตุผลที่ใช้เรียกเอกชนแค่ 5บริษัท มาคัดเลือกแทนการเปิดประมูลทั่วไป เนื่องจากดำเนินการตามข้อเสนอม.เกษตรศาสตร์ในฐานะเป็นที่ปรึกษาโครงการระบบท่อส่งน้ำสายหลักอีอีซี ที่ให้ใช้วิธีเชิญบริษัทเอกชนมาร่วมคัดเลือก
ส่วนการยกเลิกการคัดเลือกบริษัทเอกชนครั้งแรก เพราะไม่มีการกำหนดเรื่องปริมาณน้ำที่ชัดเจนในทีโออาร์ จึงไม่สามารถชี้ขาดได้ว่า ใครควรชนะรอบแรก ส่วนการคัดเลือกรอบสอง บริษัทอีสวอเตอร์เสนอผลตอบแทนตลอด 30ปี 24,212 ล้านบาท
ส่วนบริษัท วงษ์สยามให้ผลตอบแทนมากกว่าคือ 25,693ล้านบาท แล้วไม่รักษาผลประโยชน์ประเทศตรงไหน ที่ผ่านมา 30ปี บริษัทอีสต์วอเตอร์ มีผู้ถือหุ้นคือ กปภ.10% เอกชน 60กว่า% และบริษัทต่างชาติ 4แห่ง 25% ให้ผลตอบแทนรัฐไม่ถึง 600ล้านบาท แต่30 ปีหลังจากนี้จะได้ผลตอบแทนเกือบ 26,000ล้านบาท
ถ้าคัดเลือกไม่เป็นธรรมจริง ทำไมการคัดเลือกรอบสอง บริษัท อีสต์วอเตอร์ ยอมเพิ่มค่าประโยชน์ตอบแทน 30ปี ให้รัฐเป็น 24,000กว่าล้านบาท จากรอบแรกที่ให้ค่าตอบแทนแค่ 9,000กว่าล้านบาท รวมถึงค่าน้ำประปาในทีโออาร์ครั้งนี้กำหนดชัดเจนให้เก็บค่าน้ำเกินคิวละ 10.98 บาท/ลิตร แต่ 30ปีที่ผ่านมา อีสต์วอเตอร์เก็บค่าน้ำคิวละ 12บาท/ลิตร และสูงสุด26บาท/ลิตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายสันติชี้แจงเสร็จ ปรากฏว่า นายยุทธพงศ์พยายามตอกย้ำให้นายสันติดตอบคำถามประเด็นไม่เปิดประมูลทั่วไป และเรื่องการให้ผลตอบแทนแก่รัฐในการคัดเลือกรอบแรก จนเกิดการปะทะคารมโต้เถียงกับนายสันติไปมาหลายรอบ
จนนายสันติต้องตอบโต้ไปว่า ถามจริงๆนายยุทธพงศ์จะรู้ข้อมูลมากกว่าตนได้อย่างไร ว่าการคัดเลือกรอบแรกใครเสนอผลตอบแทนให้รัฐอย่างไรบ้าง คงมีอะไรสักงาน ไม่รู้มีใครไปรับงานจากอีสวอเตอร์มาหรือไม่ ขณะนี้ยังไม่เซ็นสัญญาโครงการจะมากล่าวหาได้อย่างไร สัญญาทั้งหมดมีอัยการสูงสุดดูแลอย่างรอบคอบ ไม่ต้องห่วง ทำไมท่านถึงเอนเอียงได้ขนาดนี้ ขอให้ไปตรวจสอบย้อนหลัง 30ปีที่ผ่านมา ผลประโยชน์ตกไปอยู่ที่ไหน บริษัทอีสต์วอเตอร์ มีต่างชาติถือหุ้น 25% เงินไหลออกนอกประเทศเท่าไร แต่จ่ายให้รัฐบาลแค่ 600ล้านบาท อีก 20,000กว่าล้านบาทไปไหน ควรร่วมมือกันตรวจสอบมีการฉ้อโกงเกิดขึ้นหรือไม่
"ยืนยันตนไม่เคยเจอทั้งอีสต์วอเตอร์และวงษ์สยาม ไม่เคยโทร.หา ไม่มีนิติสัมพันธ์ใดๆกันทั้งสิ้น ทำไมต้องไปเอื้อใคร ผมก็มีฐานะ ไม่ต้องไปเอื้อให้ใคร"