เปิดใจ "พีระพันธุ์" ท่ามกลางครหา ปั้น"รวมไทยสร้างชาติ" รอใคร
ข่าว 3 ป. เปลี่ยนเป็น 3 ต. หรือ (ตู่ + ตุ๋ย + ไตรรงค์) เรื่องเหล่านี้ห้ามคนคิด คนพูดไม่ได้ ถึงเวลามาจริง ไม่จริง ค่อยว่ากัน
ถือเป็นอีกพรรคการเมืองที่กำลังถูกจับจ้องจากทุกสายตา คือ "รวมไทยสร้างชาติ" กับกระแสข่าว "นายกฯลุงตู่" เตรียมทิ้งบ้านเก่าอย่างพลังประชารัฐ เพื่อมาร่วมรบในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
โดย "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษเครือเนชั่น ต่อประเด็นการเมืองต่างๆ ที่กำลังถูกพูดถึงเวลานี้ "ผมไม่ตกปลา ผมตกปลาไม่เป็น ผมไม่เคยยุ่งกับใคร" เสียงยืนยันแรกต่อเรื่องการดึง ส.ส.จากพรรคอื่นเข้าร่วมสังกัด
ก่อนที่ "พีระพันธุ์" อัพเดตความพร้อม "พรรครวมไทยสร้างชาติ" จนถึงปัจจุบัน ถือว่าพร้อมมานาน ตั้งแต่วันเริ่มต้นตั้งพรรค เพราะเป็นพรรคการเมืองต้องมีความพร้อม ส่วนเรื่องการจัดตัวผู้สมัคร ก็มีความพร้อมมาตั้งแต่เริ่มในระดับหนึ่ง ถ้าไม่พร้อม ก็คงไม่เปิด
สำหรับเป้าที่ตั้งในการส่งตัวผู้สมัคร คือ ครบ 400 เขต แต่การเมืองไม่แน่ สิ่งที่ตกลงไว้อาจเปลี่ยน วันจริงครบหรือไม่ก็ว่ากันอีกที
ส่วนบัญชีรายชื่อยังไม่พิจารณา เพราะที่สำคัญ คือ ส.ส.เขต เนื่องจากใกล้ชิด และทราบปัญหาประชาชน และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นจะหาร 100 หรือ 500 ไม่มีปัญหา พรรควางเป้าไว้ที่เขต
ส่วนคนที่เข้ามาร่วมมาจากทุกที่ ทุกพรรค และทุกการเลือกตั้งก็มีปรากฏการณ์แบบนี้ แต่คนมาร่วม มาด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ดึงใครมา และได้คุยกับหลายคนที่ย้ายเข้ามา บอกว่าสบายใจที่อยู่กับพรรคนี้ และชอบนโยบาย อาจคล้ายคำกล่าวที่ว่า "คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก"
อย่างไรก็ตาม การที่มีคนย้ายจากประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะอยู่ประชาธิปัตย์มา 30 ปี รู้จักคนในพรรคมาก และเวลาคนนั้นมีปัญหา ก็ต้องมาคุยกับคนรู้จัก หรือคนที่เคยใกล้ชิดกันก่อน
ส่วนใครจะโจมตีอย่างไร ไม่สน ทำพรรคอย่างเดียว ไม่โจมตี แต่ถ้าใครโจมตี ไม่ว่อกแว่ก เพราะทุกคนมีสิทธิ์เข้าสนามการเมือง
"พรรคเฉพาะกิจผมไม่เคยได้ยิน และผมไม่ใช่เฉพาะกิจ การทำพรรคไม่ได้มีผมคนเดียว แต่มีพรรคพวก พี่น้อง ถ้าทำพรรคเฉพาะกิจ ถามว่าคนที่มาจะมาหรือไม่ แต่ผมห้ามคนวิจารณ์ไม่ได้ เป็นหรือไม่อยู่ที่ตัวเราทำให้ดีอย่างที่เป็น ไม่ใช่กระแสที่คนวิจารณ์ และไม่ใช่สาขาของใคร ที่นี่มีรูปแบบบริหารจัดการไม่เหมือนที่อื่น พรรคมาสร้างวัฒนธรรมทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง และที่บอกว่าเป็นสาขา 2 แสดงว่ารวมไทยสร้างชาติ สร้างความหวั่นไหวให้หลายพรรค ไม่เช่นนั้นคงไม่พูดถึง"
ส่วนยุทธศาสตร์เลือกตั้งนั้น "พีระพันธุ์" ยืนยันว่ามีหมด แต่ต้องเก็บไว้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ และคนตัดสินใจมาอยู่กับพรรคมองว่า ประการแรก นโยบาย ประการที่สอง ความรู้สึก และประการที่สาม ความมุ่งมั่นให้ชาติ เพราะพรรคไม่ได้ตั้งมา เพื่อแสวงหาประโยชน์บ้านเมือง จึงคิดว่าเป็นแม่เหล็กดึงคนให้มาทำงานอยู่ที่นี่
สำหรับเรื่องแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ "พีระพันธุ์" ย้ำเสียงเข้มว่า ตามข้อบังคับพรรคเป็นหน้าที่กรรมการบริหาร และยังไม่ถึงเวลาพูด เพราะให้ความสำคัญกับ ส.ส.เขต
"ชื่อ บิ๊กตู่ เกี่ยวกับอะไรกับผม ท่านเป็นคนดี ผมไม่เคยรู้จัก หรือเกี่ยวข้องมาก่อน แต่เมื่อได้เป็นที่ปรึกษา ผมสบายใจ ทำงานกับท่าน เพราะเคมีตรงกัน ชะตาชีวิตให้มาทำงานการเมือง และมาคุยกันเรื่องบ้านเมือง ปัญหาประเทศ ไม่ได้คุยได้เรื่องการเมืองหรือคะแนนเท่านี้ ท่านอยู่ที่นี่หรือที่ไหน ก็เป็นประโยชน์"
ส่วนโอกาส "บิ๊กตู่" กับ รทสช. "พีระพันธุ์" บอกว่า "ความทรงจำผมได้ยินครั้งสุดท้าย ท่านบอกผมยังอยู่กับพลังประชารัฐ แล้วจะให้ผมถามอะไร"
ส่วนเรื่องการลาออกของ "ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี" จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่คาดหมายว่าจะมาร่วมงานกับ รทสช. หัวหน้าพรรคระบุว่า วันที่ลาออกก็ไม่รู้ แต่ก็อยากรู้ เพราะรู้จักกันดี ก็พยายามติดต่อไป ซึ่งก็ติดต่อไม่ได้ แต่ไม่ได้เกี่ยวกับตน
ฉะนั้น ข่าว 3 ป. เปลี่ยนเป็น 3 ต. หรือ (ตู่ + ตุ๋ย + ไตรรงค์) จึงเป็นการวิเคราะห์เกินเลย และที่คนเข้าใจไปเอง ดร.ไตรรงค์ จะมาแนะนำด้านเศรษฐกิจหรือไม่ ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะยังไม่ได้ถาม และเรื่องเหล่านี้ห้ามคนคิด คนพูดไม่ได้ ถึงเวลามาจริงไม่จริงค่อยว่ากัน
"ผมขอย้ำว่า ไม่ได้ทำพรรครอใคร ไม่ได้ทำพรรครอนายกฯ เพราะถ้าทำแบบนั้น แล้วนายกฯไม่มา ทุกอย่างก็จบ แต่ทำพรรคเพื่อต้องการช่วยเหลือประชาชนที่ลำบาก ตามแนวทางที่วางเอาไว้ และคนที่เข้าพรรคมาก่อนหน้านี้ ก็เข้ามาก่อนจะมีข่าวนายกฯประยุทธ์ จะมาร่วมงาน" พีระพันธุ์ ทิ้งท้าย