“พิจารณ์” แนะตั้งบุคคลที่ 3 สอบเหตุ “เรือหลวงสุโขทัย” ล่ม คู่ขนานกองทัพ

“พิจารณ์” แนะตั้งบุคคลที่ 3 สอบเหตุ “เรือหลวงสุโขทัย” ล่ม คู่ขนานกองทัพ

“พิจารณ์ ก้าวไกล” แนะตั้งบุคคลที่ 3 สอบเหตุ “เรือหลวงสุโขทัย” ล่ม คู่ขนานกองทัพ เผยเคยถามใน กมธ.ทหารฯแล้ว แต่ไม่ได้คำตอบ ชี้ระยะยาวต้องตั้งผู้ตรวจการกองทัพ ให้ตัวแทนพลเรือนร่วมด้วย สร้างความโปร่งใส

เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2565 นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกองทัพเรือตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุ เรือหลวงสุโขทัย อับปาง โดยมี พล.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือเป็นประธานว่า เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสังคมให้ความสนใจ ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยขาดความเชื่อมั่นในการตรวจสอบกันเองของกองทัพ จึงเห็นว่าควรใช้บุคคลที่สาม (Third Party Investigator) เข้ามาตรวจสอบคู่ขนาน โดยเสนอให้มีตัวแทนจากฝั่งรัฐสภาร่วมด้วย

“การตั้งคณะกรรมการที่มีแต่ทหารตรวจสอบกันเอง จะทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความตรงไปตรงมาของกองทัพ ยิ่งเมื่อมีข้อสังเกตหนึ่งเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เรือหลวงสุโขทัยอับปางว่าอาจเกี่ยวข้องกับกระบวนการซ่อมบำรุงและการตรวจรับงานซ่อมต่างๆ ที่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ยิ่งทำให้ประชาชนมองว่าปัญหาการจัดซื้อที่ด้อยคุณภาพของกองทัพ ส่งผลกระทบต่อศักยภาพของเรือและความปลอดภัยของกำลังพล” นายพิจารณ์ กล่าว

นายพิจารณ์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ในกรรมาธิการการทหาร ตนได้สอบถามกองทัพเรือ ว่าสามารถดึงบุคคลภายนอกเข้าร่วมตรวจสอบสาเหตุของเหตุการณ์ครั้งนี้ได้หรือไม่ แต่กองทัพเรือไม่ได้ตอบคำถาม ในภายหลังเพจ Thai Armed Forced (TAF) ซึ่งเป็นเพจที่เกาะติดเหตุเรือล่มนี้อย่างใกล้ชิด ได้เสนอให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ จากภายนอกเข้าร่วมตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม หากกังวลว่าข้อเสนอของตนที่ให้มี ส.ส. ร่วมตรวจสอบด้วย อาจทำให้เกิดการแทรกแซงการทำงานของข้าราชการประจำ ก็สามารถให้ ส.ส. เป็นสักขีพยานหรือร่วมสังเกตการณ์ในการตรวจสอบได้

นายพิจารณ์ กล่าวด้วยว่า การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่มีบุคคลที่สาม ถือเป็นมาตรการเฉพาะหน้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนในการค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของกรณีเรือหลวงสุโขทัยล่ม แต่ในระยะยาว แนวทางที่พรรคก้าวไกลเสนอมาตลอดคือ การปฏิรูปกองทัพ และการปรับปรุงให้ราชการไทยก้าวหน้า ด้วยการจัดตั้ง ‘ผู้ตรวจการกองทัพ’ ซึ่งเป็นตัวแทนพลเรือนที่เป็นอิสระจากกองทัพและทำหน้าที่ตรวจสอบกองทัพแทนรัฐสภาหรือประชาชน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินงานของกองทัพจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีมาตรฐาน โดยบทบาทนี้อาจครอบคลุมไปถึงการตรวจสอบการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม หรือการกระทำที่ขัดหลักกองทัพอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน การตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณกองทัพ รายได้ของกองทัพ และโครงการจัดซื้อจัดจ้าง และการพิจารณาและสืบสวนข้อร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีที่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนของทหาร นอกจากนี้ ต้องสร้างรัฐโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลรัฐทั้งหมด เพราะข้อมูลของรัฐก็คือข้อมูลที่ประชาชนเป็นเจ้าของ หากจะปกปิด หน่วยงานต้องร้องขอว่าเป็นข้อมูลลับ โดยมีเหตุผลที่สมควรเท่านั้น รวมถึงเสริมตัวแทนจับโกงภาคประชาชน ซึ่งคือผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ เข้าร่วมสังเกตการณ์ตลอดกระบวนการในงานที่มีมูลค่าสูงๆ