ย้อนคำปราศรัย “ประยุทธ์” ปี 62 ยอมตายเพื่อแผ่นดิน ปี 66 ซบ รทสช.
“...การปราศรัยบนเวที รทสช.ในวันนี้ของ “ประยุทธ์” จึงเป็นหมุดหมายสำคัญว่า จะปักธงต่อสู้ทางการเมือง และพาตัวเองกลับเข้าสู่วงจรอำนาจเป็นนายกฯอีกครั้งได้หรือไม่…”
เป็นอีกหนึ่งแอ็คชั่นทางการเมืองสำคัญในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง
ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาศัยวัน “ราชาฤกษ์” 9 ม.ค. 2566 เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” โดยมีกระแสข่าวว่าจะมีการเปิดตัว ส.ส.อีกไม่ต่ำกว่า 30 คนที่จะย้ายมาล่มหัวจมท้ายกับพรรคนี้
ไฮไลต์ของวันนี้คือการปราศรัยของ “บิ๊กตู่” ที่หวนคืนเวทีจับไมค์อีกครั้งในช่วงก่อนการเลือกตั้ง โดยหลายคนจับตามองว่าจะดูยิ่งใหญ่และเซอร์ไพรส์แบบปี 2562 ที่สนามเทพหัสดิน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขณะนั้นชู “ประยุทธ์” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ปราศรัยหาเสียงสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งแค่ 2 วัน โดยวันดังกล่าวเชิญ “ประยุทธ์” ขึ้นเวที มีการร้องเพลง “หยุดตรงนี้ที่เธอ” ของ “ฟอร์ด สบชัย” ศิลปินดังในอดีต ชูนิ้วสัญลักษณ์ I Love You พร้อมกับประกาศวาทะในตำนาน “ยอมตายเพื่อแผ่นดิน” เรียกเสียงปรบมือเกรียวกราวจากแฟนคลับ
ที่สำคัญวันดังกล่าวชนกับงานของผู้มากบารมีทางการเมืองอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่จัดงานแต่งงานให้ “ลูกสาว” ในโรงแรมโรสวูด ฮ่องกง ระหว่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร กับ “ปอ” ปิฎก สุขสวัสดิ์ โดยงานนั้นมีบุคคลสำคัญระดับ “VVIP” บินไปร่วมงานอย่างคับคั่ง
โดยการขึ้นเวที พปชร.ของ “ประยุทธ์” ในคืนวันที่ 22 มี.ค. 2562 (ก่อนเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. 2562) เปิดตัวฉากแรกด้วยการร้องเพลง “อยู่ตรงนี้ที่เธอ” ของ “ฟอร์ด สบชัย” โดยมีประชาชนร่วมร้องตามเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นเจ้าตัวใช้เวลาประมาณ 7 นาทีเพื่อปราศรัย
หลักใหญ่ใจความสำคัญในการปราศรัยบนเวที พปชร.ของ “ประยุทธ์” เริ่มจาก จะนำพาประชาชนทั้ง 77 จังหวัดไปข้างหน้าเพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ตนดำรงตำแหน่งมา 5 ปี รู้ดีว่าอะไรคือปัญหาและอุปสรรค ที่ผ่านมาก็ได้ถางเส้นทางให้โล่งมาพอสมควรแล้ว จากนี้จึงขอให้พวกเราช่วยถางทางตรงนี้ให้โล่ง ให้สามารถเดินทางไปในทุกที่ได้ และเพื่อให้เกิดความสงบสุขเป็นสิ่งสำคัญ โดยต่อจากนี้ไปเราต้องช่วยกันลดความขัดแย้ง เราจะต้องนำหัวใจความรักความสามัคคีกลับคืนมา เราต้องรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
“ประยุทธ์” ระบุอีกว่า แม้ก่อนหน้านี้จะเป็นทหาร แต่วันนี้เป็นประชาชนและจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อคนไทย ส่วนการดำเนินนโยบายต้องมีผู้นำ ขอประชาชนเติมใจให้กันและจับมือกันเดินไปข้างหน้า เพราะถ้าคนไทยจับมือกัน 68 ล้านคนจะทำได้ทุกอย่าง พร้อมระบุว่าที่ผ่านมา 5 ปี รับรู้ปัญหาและอุปสรรค แต่ก็จัดการได้และทำให้บ้านเมืองสงบสุข เพราะเป็นสิ่งสำคัญ และจากนี้ไปคนไทยต้องช่วยกันลดความขัดแย้ง นำความรักและความสามัคคีกลับคืนมา
“เราอย่านั่งรอ ต้องลุกขึ้นก้าวเดินไปพร้อมกับผม พยุงกันไป ลากกันไป เข็นกันไปก็ต้องทำ” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
“ประยุทธ์” กล่าวในตอนท้ายของการปราศรัยว่า ประเทศไทยมีศักยภาพและมีโอกาส แต่ก็มีวิกฤตเกิดขึ้นเสมอ จึงอย่าทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นมาอีกโดยเด็ดขาด และขอประชาชนร่วมทำประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทย เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในอนาคตและให้จำอดีตที่ผ่านมาไว้เป็นบทเรียน
หลังจากนั้นได้ขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ ระบุว่า “ขอบคุณทุกคนในกำลังใจและความรักที่ให้กับผมมา ผมจะตอบสนองไปให้ไม่น้อยกว่าที่ให้มา ผมให้ได้ทั้งชีวิตและจิตใจ ผมจะยอมตายเพื่อแผ่นดินผืนนี้ แผ่นดินที่ให้ผมเกิด ให้ผมมีที่กินอยู่หลับนอนและมีอาชีพ ผมต้องรักษาแผ่นดินนี้ไว้ เพื่อลูกหลานในอนาคต จะไปกับผมไหม ประเทศไทยจะไม่ล้มอีกต่อไป”
นี่คือบางห้วงบางตอนของ “สาร” ที่ “ประยุทธ์” ได้ “สื่อ” ถึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ท่ามกลางแคมเปญของ พปชร.ขณะนั้นที่ปลุกว่า “เลือกความสงบ จบที่ลุงตู่” สุดท้ายพา พปชร.ได้คะแนน “ป๊อปปูล่าร์” มาเป็นอันดับ 1 แม้จะมี ส.ส.ตามหลัง “พรรคเพื่อไทย” มาเป็นอันดับ 2 แต่สามารถรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลผสม 20 พรรค 263 ส.ส. พ่วงด้วยเสียงโหวตจาก ส.ว.สรรหาจาก คสช. ดันตัวเองนั่งเก้าอี้นายกฯสมัยที่ 2 ได้สำเร็จ
ก่อนจะอยู่ลากยาวมาจนถึงปี 4 ผ่านอุปสรรคขวากหนามทางการเมือง พร้อมกับสารพัดข้อครหาต่าง ๆ มาได้จนถึงปัจจุบัน
แต่ “ประยุทธ์” ยังคงเดินหน้าหวังเป็นนายกฯสมัยที่ 3 โดยการแยกกันสร้างดาวคนละดวงกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยังปักหลังเป็นหัวหน้า พปชร. ส่วนเจ้าตัวจัดทัพใหม่ไปสังกัด รทสช.
ดังนั้นการปราศรัยบนเวที รทสช.ในวันนี้ของ “ประยุทธ์” จึงเป็นหมุดหมายสำคัญว่า จะปักธงต่อสู้ทางการเมือง และพาตัวเองกลับเข้าสู่วงจรอำนาจเป็นนายกฯอีกครั้งได้หรือไม่