ที่แท้มูลนิธิทิพย์! ปลัด มท.สั่งสอบ "เป็นต่อ กรุ๊ป" เครือข่าย "สารวัตรซัว"
ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งลงพื้นที่ตรวจสอบ “มูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป” พบไม่ได้จดทะเบียน อาจเข้าข่ายการกระทำผิด ยันต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด เปิดสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 รับแจ้งเบาะแสมูลนิธิ สมาคม ที่อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยถึงกรณีปรากฏข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการกล่าวถึง “มูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป” ซึ่งอยู่ในความสนใจของพี่น้องประชาชนในขณะนี้นั้น ว่า ตนในฐานะนายทะเบียนมูลนิธิในเขตกรุงเทพมหานคร ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้สั่งการให้กรมการปกครอง ในฐานะหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับจดทะเบียนมูลนิธิได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวทันที
นายสุทธิพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ว่า กรมการปกครอง โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ ได้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในข่าวสาร เนื่องจากพบว่า เว็บพนันดังกล่าวอาจมีการแอบอ้างใช้ชื่อและจัดตั้งมูลนิธิชื่อมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกั
ในเบื้องต้นตรวจสอบในฐานข้อมูลแล้ว พบว่า ไม่ปรากฏการจดทะเบียนมูลนิธิในชื่อดังกล่าว ทำให้การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสู่สาธารณชนของมูลนิธินี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย
ดังนั้น จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อสืบค้นข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน ณ บ้านเลขที่ 9 อาคารเป็นต่อกรุ๊ป ซอยรามอินทรา 5 แยก 15 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 ซึ่งเป็นสถานที่ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ของมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด โดยจากการตรวจสอบพบว่า ไม่ปรากฏป้ายชื่อมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้ารั้วหรือจุดใด ๆ ของสถานที่นั้น
พร้อมกันนี้ได้ทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ได้พบว่าปรากฏป้ายชื่อบริษัทหลายบริษัทติดตั้งไว้ที่รั้ว/ประตูทางเข้าด้านหน้าอาคาร
เจ้าหน้าที่จึงสอบถามพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งที่ปรากฏป้ายชื่อที่อาคารดังกล่าว จึงได้ทราบข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมโดยพบว่ามีผู้บริหารที่เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป เจ้าหน้าที่จึงได้โทรศัพท์สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าตัว ซึ่งบุคคลดังกล่าวได้ให้ข้อมูลโดยยอมรับว่า มูลนิธิ เป็นต่อ กรุ๊ป ไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นมูลนิธิแต่อย่างใด เป็นเพียงการรวมกลุ่มกันของผู้บริหารที่รู้จักสนิทสนมกันในหลายบริษัท เพื่อทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์
นายสุทธิพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้มีชุดข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากการลงพื้นที่ดังกล่าว โดยในขั้นตอนต่อไป กรมการปกครองจะได้ประสานไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DEs) เพื่อขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบเว็บไซต์ของมูลนิธิเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด รวมถึงความเชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์กับบุคคลที่จดทะเบียนเว็บไซต์ว่าเข้าข่ายความผิดตาม มาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัดบริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 หรือไม่นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้ครบถ้วน รัดกุม หากพบว่าการดำเนินการของมูลนิธิเป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด เข้าข่ายความผิดตามมาตราดังกล่าวจริง จะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ต่อไป
“กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญในการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนของมูลนิธิ สมาคม ตามอำนาจหน้าที่อย่างต่อเนื่อง โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีกรมการปกครอง โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ เป็นหน่วยงานดำเนินการ และในพื้นที่ 76 จังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นนายทะเบียนตามกฎหมาย มีที่ทำการปกครองจังหวัดเป็นหน่วยงานดำเนินการ ซึ่งได้เน้นย้ำและกำชับให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการสำรวจ ตรวจสอบ และติดตามการดำเนินงานของมูลนิธิ สมาคม ทุกแห่ง ให้เป็นไปตามกฎหมาย และข้อบังคับของแต่ละแห่ง หากพบการกระทำความผิด ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนมีเบาะแสการกระทำความผิด หรือหากสงสัยว่ามูลนิธิ สมาคมใด อาจเข้าข่ายกระทำความผิดในลักษณะต่าง ๆ ที่สร้างความเดือดร้อน หรือแอบอ้าง หรือทำให้สังคมเชื่อได้ว่าอาจนำไปสู่ความไม่เป็นปกติสุขของสังคม สามารถร้องเรียนผ่านสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 หรือแจ้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ณ ศาลากลางจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ณ ที่ว่าการอำเภอ ทั้ง 878 แห่งทั่วประเทศ” นายสุทธิพงษ์ กล่าว