"อนุทิน" แนะ ชูวิทย์ กล่าวหา ฮั้วสายสีส้ม ต้องมีหลักฐาน ไม่ใช่สาดโคลน
อนุทิน ไม่หวั่น นายพลยึดอำนาจก่อนตั้งพรรคการเมือง เหตุไม่ใช่กองกำลัง ขออย่ามองเป็นบรรทัดฐาน เพราะสุดท้ายต้องเข้าสู่ระบบประชาธิปไตย เผยมอตโต้ กินกันฉันด้วย ตีกันฉันป่วยอร่อยบอกด้วย ถึงป่วยก็ไป
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยกล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ออกมาแฉถึงกรณีการฮั้วประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีความกังวลหรือไม่เนื่องจากเป็นช่วงใกล้การเลือกตั้งนายอนุทิน กล่าวว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ชี้แจงไปแล้วไม่ได้มีความกังวลอะไร การจะกล่าวหาใครต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่ใช่ใช้การคาดคะเนเพราะนำไปใช้ในกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ แต่หากมีหลักฐานตนก็ฟาดไม่เลี้ยง พร้อมย้ำว่าไม่มีผลกระทบ กับพรรคในช่วงหาเสียงการเลือกตั้ง แต่อย่างใด และเชื่อว่าประชาชนก็คงรับทราบกันดี โดยเฉพาะช่วงใกล้การเลือกตั้ง การสาดโคลนกันเป็นเรื่องที่เกิดมานานแล้ว ส่วนใหญ่เวลาสาดโคลนใส่กันเขาก็ระมัดระวังอยู่แล้ว จะพูดเป็นตัวย่อบ้าง อ้อมไปอ้อมมาบ้าง ซึ่งเรื่องพวกนี้หาสาระไม่ได้ พร้อมกับยอมรับว่าการออกมาแชร์ดังกล่าวถือเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เป็นการแข่งขันในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งความคิดของคนนั้นไม่เหมือนกัน คนที่อยากจะเข้ามามากๆบางทีก็เล่นนอกบทก็ไม่เป็นไรหากเราไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่ผิด กระบวนการยุติธรรมก็ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนที่ไม่ผิดก็ไม่เคยเห็นถูกลงโทษใดๆ พร้อมบอกให้ลองยกตัวอย่างผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิด แล้วถูกกลั่นแกล้งถูกลงโทษ ถูกพิพากษาก็ไม่มี คนที่โดนก็คือโดนจริงๆ เราต้องเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมที่มีในประเทศของเราให้มากที่สุด
ส่วนมองว่ามีนัยยะอย่างไรที่มีพรรคการเมืองหนึ่งพานายชูวิทย์ เข้ามาในทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ระบุว่า ตนไม่ขอก้าวก่าย ตนไปก้าวก่ายหน่วยงานอื่นๆไม่ได้ ใครทำอะไรไว้ก็ต้องอธิบายตนไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร
ส่วนการที่นายชูวิทย์แฉพูดถึงแต่เรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทิน ระบุว่า เวลาชี้นิ้วไปที่คนอื่น 1 นิ้วอีก 4 นิ้วก็เข้าตัว ส่วนจะเป็น 2 มาตรฐานหรือไม่ เพราะผู้อื่นที่มาร้องเรียนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายังในทำเนียบรัฐบาล เรื่องนี้จนไม่ทราบ เพราะเราไม่ได้ติดตาม งานการเยอะแยะไปหมด ฟอร์มย้ำถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรรคร่วมรัฐบาลว่าเหมือนเดิม ไม่มีอะไร ทุกรัฐบาลทุกช่วงสมัย ก็มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ของบรรดาสมาชิก ขอให้ระดับบนอย่างมีปัญหากัน คุยกันได้เปิดช่องกันไว้ ตอนนี้ตน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนานายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น มีความเคารพนับถือเกรงใจซึ่งกันและกัน ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ผู้ใหญ่โอเคก็พอแล้ว
เมื่อถามว่า การเมืองในวันนี้น่ากลัวหรือไม่เนื่องจากมีนายพลเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า ชื่อเป็นพรรคการเมืองหรือเป็นกองพลที่เท่าไหร่ หากเป็นพรรคการเมืองก็ไม่กลัวอะไร ตำแหน่งนายพลก็เป็นตำแหน่งในอดีตที่เขาได้รับในสมัยที่รับราชการอยู่ เเละเป็นตำแหน่งที่ได้รับโปรดเกล้าฯ มา ก็ต้องติดตัวเขาไป ความเป็นการเมืองก็คือการเมือง หากเข้ามาทำงานการเมืองก็คือนักการเมือง ไม่มีอะไรแตกต่างจากนักการเมือง ไม่เห็นมีอะไรต้องน่ากลัว ทุกคนเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมืองก็หวังว่า จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองแล้วจะไปกลัวอะไร
ส่วนมองว่าการยึดอำนาจแล้วทำการเมืองต่อยาวๆจะกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปมองโลกในแง่ร้าย วันนี้มาทุกวันนี้มาถึงขนาดไหนแล้ว บางคนก็ซึมซับถึงความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ว่าเป็นระบอบการปกครองที่ดีที่สุด ขนาดผู้ที่เคยยึดอำนาจมาก่อน ก็ต้องกลับมาในระบบการเมืองการเลือกตั้ง ตราบใดที่ยังมีระบบนี้อยู่ก็ขอให้รักษาระบบนี้ไว้ให้นาน ให้ดีที่สุด คนที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้ คือนักการเมืองเท่านั้นแหละ ประชาชนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย นักการเมืองก็ทำตามกฎหมาย ตามระเบียบข้อบังคับ ให้เคร่งครัดเคารพกฎหมาย ยึดมั่นในความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และเจตนารมณ์ ให้กับบ้านเมือง ก็จะไม่มีวันที่จะทำให้ระบอบอื่นเข้ามาแทรกแซงได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถาม นายอนุทิน กล่าวว่า มีมอตโต้บ้างหรือไม่ นายอนุทิน หันกลับมาตอบว่า กินกันฉันด้วย ตีกันฉันป่วย อร่อยบอกด้วย ถึงป่วยก็ไป พร้อมกล่าวว่าเป็นสมัยแม่ช้อยนางรำ หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามให้ขยายความถึงคำว่ากินกัน ว่าเป็นการรับประทานอาหารหรือกันที่หมายถึงกัญชา นายอนุทินจึงกล่าวว่ากินข้าวด้วยกัน ปาร์ตี้กัน แต่หากตีกันฉันขอป่วยก่อน