3 เงื่อนไข ‘ชทพ.’จับขั้ว ‘รัฐบาลเสียงข้างน้อย’ไม่รอด

3 เงื่อนไข ‘ชทพ.’จับขั้ว  ‘รัฐบาลเสียงข้างน้อย’ไม่รอด

เกมชิงอำนาจ ใน ศึกเลือกตั้ง66 หลายพรรคประกาศการจับกลุ่ม-รวมขั้ว "ชทพ." ของ "วราวุธ" แม้ยังไม่ระบุชัดว่าจะเข้าสังกัด "ขั้วไหน" ทว่าตั้งเงื่อนไข รอการเจรจาไว้แล้ว

เกมเลือกตั้งดำเนินมาถึง 3 วันก่อนถึงวันชี้ชะตา ว่า นักการเมือง พรรคการเมือง พรรคไหน จะเป็นผู้ชนะใจประชาชนและคว้าเก้าอี้ ได้เข้าสภาผู้แทนราษฎร

 

แม้ผลสำรวจความเห็นจะชี้ว่า บางพรรค ไม่มีที่ยืนในเวทีการเมืองหลังเลือกตั้ง ทว่า “ชาติไทยพัฒนา” ที่มี “วราวุธ ศิลปอาชา” เป็นหัวหน้าพรรค และรั้งตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียวของพรรค  ยังมั่นใจในผลงาน และประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ว่าจะได้รับเลือกตั้ง กวาดส.ส.ตามเป้า คือ ไม่น้อยกว่า 25 คน ไปเป็นสมาชิกแห่งสภาฯ ชุดที่ 26 ได้แน่นอน

 

3 เงื่อนไข ‘ชทพ.’จับขั้ว  ‘รัฐบาลเสียงข้างน้อย’ไม่รอด

และก่อนการลงพื้นที่ เพื่อตอกย้ำความศรัทธาของประชาชนในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ที่ “ชาติไทยพัฒนา” ยึดเป็นเรือนตาย วันที่ 12 พฤษภาคม “วราวุธ”  ให้สัมภาษณ์ โดยมั่นใจว่า “หลังเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ส.ส.ของพรรค จะได้ตามเป้าหมาย”

 

 

“แม้มีผลโพลของหลายสำนักออกมา แต่หากแยกเป็นแต่ละสถาบัน หรือ หน่วยงาน นับ10โพล ไม่เหมือนกันสักโพล และตามประวัติศาสตร์เอ็กซิทโพลเคยถูกหักมาแล้ว ดังนั้นผลโพลที่ออกมาคือเครื่องกระตุ้นเตือนใจให้ผู้สมัครของพรรคทำงานแบบไม่ประมาท และสิ่งที่ต้องเร่งทำตอนนี้นอกจากขอคะแนน หาเสียงแล้ว คือ การทำความเข้าใจกับประชาชนในการกาคะแนนลงบัตรต่างสี เพราะหากประชาชนสับสน กาเบอร์ผิดสี เราอาจไม่ได้คะแนนทั้งคนและพรรค”  วราวุธ กล่าว

สำหรับประเด็นกระแสของ “พรรคก้าวไกล” ที่มาแรง แซงคะแนน “บ้านใหญ่” ซึ่ง จ.สุพรรณบุรีเอง มีเขตอย่างน้อย 1 เขต ที่ถูกเบียดแย่งคะแนนและส่อว่าจะเสียแชมป์ โดย “วราวุธ” ยอมรับในประเด็นนี้ เพราะในบริบทของสังคม คนสุพรรณบุรีต้องการความเปลี่ยนแปลง แต่พรรคยังเชื่อมั่นว่าจะครองใจประชาชนได้ เพราะการทำงาน ความตั้งใจและประสบการณ์

 

3 เงื่อนไข ‘ชทพ.’จับขั้ว  ‘รัฐบาลเสียงข้างน้อย’ไม่รอด

ทว่าในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม ยังมีประเด็นที่ “หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา” กังวล คือ การทำงานของ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” ที่ถูกสังคมตั้งเป็นข้อสังเกตในเรื่องความโปร่งใส หลังจากพบความผิดพลาดในการเลือกตั้งล่วงหน้า 7 พฤษภาคม ทั้งการกรอกรหัสเขตผิดเขตที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตามทะเบียนบ้าน, เกิดกรณีบัตรเกินจำนวนผู้มาลงทะเบียนใช้สิทธิ์ หรือ บัตรเขย่ง แต่ยังเชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งจริงในวันที่ 14 พฤษภาคม กกต. และ เจ้าหน้าที่ จะแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน “กกต.” ต้องระวังในการทำงาน หากพบผิดพลาดต้องเร่งแก้ไข เพื่อให้ประชาชนสบายใจในความโปร่งใสของการทำงาน

 

 

ขณะที่ประเด็นการซื้อเสียง “วราวุธ” เชื่อว่าการเเลือกตั้งรอบนี้จะมีเหมือนการเลือกตั้งทุกครั้ง ดังนั้น กกต. และตำรวจต้องดำเนินการ แต่การซื้อเสียงนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นความผิดหรือการกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้าม เพราะการเลือกตั้งที่เป็นเกมต่อสู้ทางเมือง ดังนั้นการกระทำที่ท้าทายความเข้มงวดของกฎหมาย ฝ่ายรัฐต้องทำงานให้เต็มที่ ขณะที่ภาคเอกชน หรือองค์กรอิสระ และประชาชนต้องจับตาดูอย่างใกล้ชด ซึ่งการเลือกตั้งรอบนี้ มั่นใจว่าประชาชนจะออกมาใช้สิทธิ์จำนวนมาก

กับอีกประเด็นที่ถูกโฟกัสคือ สูตรจับขั้วรัฐบาลหลังเลือกตั้ง ที่ถูกประเมินว่า “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ซึ่ง​ “วราวุธ”  ยืนยันว่าไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกมยาวของการเมือง ที่มักเกิดขึ้นในเวทีของสภาฯ อาจทำให้ “รัฐบาล” อยู่ได้ไม่ยาว เพราะอาจจะแพ้โหวตในกฎหมายสำคัญ เช่นกฎหมายงบประมาณ แม้การตั้งรัฐบาล ที่มีจุดเริ่มต้น จากการเลือก “นายกฯ” ในที่ประชุมรัฐสภาจะใช้เสียงส.ว. ร่วมลงมติ แต่การทำงานจริงในสภาฯ ส.ว.ไม่มีสิทธิร่วมลงมติ

 

3 เงื่อนไข ‘ชทพ.’จับขั้ว  ‘รัฐบาลเสียงข้างน้อย’ไม่รอด

“หากไปไม่รอด รัฐบาลต้องยุบสภา คงไม่มีพรรคไหนที่อยากให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น 2 ครั้งในปีเดียวกัน เหมือนกับปี 2535 เพราะเหนื่อย และสิ้นเปลืองงบประมาณ อีกทั้งชะลอการพัฒนาประเทศ การอนุมัติงบประมาณ ดังนั้นรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่เป็นประโยชน์ในการทำงานให้กับประเทศ”  วราวุธ ย้ำ

 

ทว่าหากถามถึงการตัดสินใจ จะไป ซ้าย-ขวา ต่อการร่วมรัฐบาล หาก “พรรคใหญ่ 2 พรรคที่ต่างขั้ว”  แย่งกันจัดตั้งรัฐบาล “วราวุธ” ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน  และ ขอดูรายละเอียดอีกครั้งหลังวันเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม พร้อมย้ำว่าพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้จ้องเป็นรัฐบาลอย่างเดียว

 

ขณะที่เงื่อนไขของการร่วมรัฐบาล นั้น “หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา” ย้ำว่า ต้องเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านกระบวนการสภาร่างรัฐธรรมนูญ   เพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ได้รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน ผ่าน ส.ส.ร. นอกจากนั้น คือ การนำนโยบายของพรรคไปปฏิบัติ ที่เน้นความยั่งยืน และเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์

พร้อมประกาศชัดว่า "ถ้าประเด็นเหล่านี้ไม่ได้รับการตอบสนอง พรรคชาติไทยพัฒนาไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมรัฐบาล”