เปิดจุดยืนอีก 7 พรรคตั้งรัฐบาล “เพื่อไทย” อึกอักแก้ ม.112 ทสท.ชัดป้องสถาบันฯ
ฟังชัด ๆ เจตนารมณ์ 7 พรรคร่วมที่เหลือ จัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวังของประชาชน เทกระจาดโหวต “พิธา” นายกฯ “ชลน่าน” แบ่งรับแบ่งสู้ปมแก้ ม.112 ต้องรอถกอีกรอบก่อนเซ็น MOU ด้าน “คุณหญิงสุดารัตน์” ประกาศ ทสท.ปกป้องสถาบันหลักของชาติ แต่ไม่ยอมให้คนใช้ ม.112 เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้ง
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2566 ที่โรงแรมโอกุระ เพรสทีจ มีการจัดงานแถลงข่าว 8 พรรคการเมือง จำนวน ส.ส. 313 คน ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดย น.พ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมี 141 เสียง เราขอยืนยันพรรคเพื่อไทย จะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลแห่งความหวังของประชาชนให้ได้ เพราะตอนนี้มีกระแสปั่นเข้ามาเยอะ
นพ.ชลน่าน กล่าวยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ผู้เสนอเงื่อนไขให้พรรคแกนนำเป็นผู้เสนอ จากนี้จะมีการจัดทำร่างข้อตกลงร่วมให้ทุกพรรคช่วยกันดู โดยแต่ละพรรคจะดูว่าอะไรรับได้ อะไรควรปรับแก้ อะไรไปไม่ได้ เราจะช่วยกันพิจารณา ซึ่งไม่ได้ผูกมัดอะไรมากแต่ละพรรคเสนอเข้าไปได้ เช่นยกเรื่อง มาตรา 112 ขึ้นมาเป็นเนื้อหาเอ็มโอยู ถ้าลงนามร่วมกันก็ถือว่าสรุปจบเรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นที่จะไม่ร่วมกันเพราะจะมีข้อตกลงร่วมที่เราเห็นทางออกร่วมกัน และในนามเพื่อไทยยืนยันทำภารกิจนี้ให้สัมฤทธิ์ผลให้ได้ เราจะผลักดันให้มีคะแนน 376 เสียงให้ได้ ทุกพรรคช่วยกันไม่ได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ก้าวไกลพรรคเดียว เมื่อทำงานร่วมกันทุกฝ่ายช่วยกัน มั่นใจเรามีเสียงในรัฐสภา 376 เสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
“วันนี้เรามาแถลงเจตนารมณ์จัดตั้งรัฐบาล กลไกสำคัญที่สุดคือเอ็มโอยู หลายเรื่องที่เป็นประเด็นที่เราจะไปเจรจาพูดคุยกันจะอยู่ในเอ็มโอยูนั้น วันที่ 22 พ.ค. จะบอกว่าพวกเราจะร่วมมือกันอย่างไร บนพื้นฐานเราจะจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่เป็นเงื่อนไขข้อจำกัด ที่จะตกลงกันได้ต้องให้จบในเอ็มโอยู ถ้าอะไรไม่จบต้องมีทางออกเช่นประเด็นที่อ่อนไหวมีความเห็นต่างมากยังไม่มีข้อตกลงร่วม เราจะแถลงว่าจะมีกลไกทำเรื่องนั้นได้อย่างไร เช่น มาตรา 112 ที่ต่างฝ่ายต่างมีความเห็นต่างกันเยอะ อะไรเห็นร่วมกันไปได้เลย อะไรที่เห็นต่างกันแต่ตกลงร่วมกันได้ก็อยู่ในเอ็มโอยู แต่อะไรที่เห็นต่างกันเยอะมากเราจะยกประเด็นนั้นมาในข้อตกลงว่าจะหาทางออกตรงนั้นได้อย่างไรเพื่อร่วมมือกันทำงานในฐานะรัฐบาลของประชาชน จึงอยากให้ประชาชนติดตาม โดยเฉพาะประเด็นที่สื่อถามที่เป็นข้อห่วงใยเพื่อไทยจะมีคำตอบ” น.พ.ชลน่าน กล่าว
ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไทยสร้างไทยยืนยันหลักการของเราที่จะสนับสนุนให้ทุกฝ่ายเดินตามครรลองประชาธิปไตย สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เมื่อก้าวไกลได้ฉันทามติอันดับหนึ่ง เราประกาศทำตามสัญญาประชาคม ยกมือสนับสนุนให้นายพิธาเป็นนายกฯ ส่วนข้อตกลงเรื่องนโยบายยังไม่ได้นับหนึ่งพูดคุยกัน จากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานทำนโยบาย เพราะเรื่องที่สัญญาไว้กับประชาชนสำคัญกว่าการแบ่งกระทรวง ตนเป็นคนหนึ่งหากมาร่วมรัฐบาลแล้วแบ่งกระทรวงไปหากินตนไม่มาร่วมด้วย แต่มาผลักดันการแก้ปัญหาของประชาชน สำหรับประเด็น มาตรา 112 ไทยสร้างไทยชัดเจน เรามีจุดยืนว่า หน้าที่ของทุกพรรคการเมือง ต้องรักษาชาติ ศาสน์กษัตริย์ การทำอะไรกระทบ ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย หน้าที่พรรคการเมืองต้องปกป้อง แต่เรื่องที่ผู้มีอำนาจใช้มาตรา 112 กลั่นแกล้งทำร้ายต้องพิจารณา แต่การทำให้มาตรา 112 ปกป้องสถาบันได้อย่างดี ไม่เป็นเครื่องมือให้ใครนำไปทำร้ายคนอื่นเป็นหลักการ เรายืนยันปกป้องสถาบัน ไม่ต้องการให้ใช้มาตรา 112 ไปทำร้ายใคร แต่จุดยืนของแต่ละพรรคอาจต่างกัน คงต้องคุยกันในเรื่องของมาตรานี้รวมถึงทุกนโยบาย
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า พรรคประชาชาติเคารพระบอบประชาธิปไตย การเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาชนให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกลมีเสียงข้างมากที่สุด แสดงให้เห็นว่าประชาชนต้องการผู้นำรัฐบาลที่มาจากพรรคก้าวไกล ด้วยความเคาพรต่อคะแนนเสียงของประชาชน พรรคประชาชนขอสนับสนุนนายพิธา ในการตัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และพรรคประชาชาติยินดีร่วมมือทุกประการในการจัดตั้งรัฐบาล ของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชนให้สำเร็จ และอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ความเคารพการตัดสินใจของประชาชน ถ้าไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน ก็จะติดปัญหาเดิม ๆที่ไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามได้ ยืนยันสิ่งที่นายพิธาพูดเป็นสิ่งที่เราเห็นร่วมกัน วันนี้อาจยังไม่เห็นรายละเอียด แต่วันที่ 22 พ.ค.จะเห็นเส้นทางที่จะก้าวไป
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เราต้องให้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันเสรีรวมไทยสนับสนุนก้าวไกลให้นายพิธา เป็นนายกฯ วันนี้เรามาประกาศร่วมกันสนับสนุนนายพิธาเท่านั้น ประเด็นอื่นยังไม่ถึงเวลาตอบคำถาม เมื่อตั้งรัฐบาลแล้วเราก็ต้องทำงานร่วมกันอะไรไปกันได้ก็สนับสนุนกันเต็มที่แต่ถ้ามีปัญหาอะไรก็ต้องทบทวนกัน
นายปิติพงศ์ กล่าวว่า พรรคเป็นธรรมเป็นพรรคใหม่ เน้นทำการเมืองสร้างสรรค์ เราจะสนับสนุนมติมหาชนที่มอบให้พรรคก้าวไกล เสียงของพรรคเป็นธรรมจะไม่เปลี่ยนแปลง และเราไม่มีข้อต่อรองทางการเมืองไม่ว่าเป็นรัฐบาลหรือไม่ ส่วนเรื่องคุณสมบัติของนายพิธา เชื่อว่าจะผ่านวิกฤติได้ถ้ามีความเป็นธรรมให้กับเขา สำหรับเสียงส.ว. เชื่อว่าทุกท่านมีคุณวุฒิและวุฒิภาวะว่าจะใช้เสียงไปในทิศทางใด ฝากให้ช่วยตระหนักว่าสังคมปัจจุบันนี้ต้องการเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลใหม่รัฐบาลของประชาชนต้องประคับประคองให้รัฐบาลเดินหน้า
ขณะที่นายเชาวฤทธิ์ กล่าวว่า ตนได้เห็นประชามติที่ประชาชนเลือกพรรคก้าวไกล เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาอยากให้นายพิธาเป็นนายกฯ อยากให้ระบบการเมืองเป็นไปตามระบบให้พรรคที่ได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
ส่วนนายวสวรรธน์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยรวมพลังมีอุดมการณ์ทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย เป็นพรรคการเมืองนาโนปาร์ตี้ วันนี้ตั้งใจมาแสดงจุดยืนส.ส.สองคนสนับสนุนนายพิธา เป็นนายกฯ เพื่อตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ และขอแสดงจุดยืนให้ตั้งรัฐบาลได้ สร้างความเชื่อมั่นของประเทศเพื่อดึงดูดนักลงทุน