“ชัยธวัช” ลั่นตั้งรัฐบาลใหม่ คืนกระบวนการยุติธรรมให้ปกติ ยุติขัดแย้ง
“ชัยธวัช” ร่วมงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลผู้เสียชีวิตจากเหตุสลายชุมนุม พ.ค.53 ลั่นรัฐบาลใหม่ เตรียมคืนความปกติให้กระบวนการยุติธรรม ยุติปัญหาขัดแย้ง เยียวยาบาดแผลสังคม
เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2566 ที่ศาลาชัยสินธพ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร มีการจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พ.ค. พ.ศ.2553 โดยมีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เดินทางมาร่วมด้วย และให้สัมภาษณ์สื่อ ถึงประเด็นหากตั้งรัฐบาลสำเร็จ จะนำคดีการสลายชุมนุมคนเสื้อแดง มาแก้ไข และยุติปัญหาความขัดแย้งในสังคมไทยหรือไม่ว่า มาในฐานะของพรรคก้าวไกล เพราะกระบวนการในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่และกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่แล้วเสร็จ วันนี้ถือเป็นวันสำคัญเพราะเมื่อ 13 ปีที่แล้ว มีเหตุการณ์ล้อมปราบ โดยเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิตจำนวนมากในวัดปทุมวนาราม ซึ่งมีหลักฐานพยานชัดเจนว่าประชาชนที่อยู่ฝนวัดปทุมฯ ไม่ได้มีอาวุธ ไม่ได้มีการยิงตอบโต้ ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์แต่อย่างใด แต่ก็มีความชัดเจนว่า เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมากยืนอยู่บรางรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้วยิงลงมา นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สะท้อนชัดว่า 13 ปีผ่านไป กระบวนการที่จะนำเจ้าหน้าที่ที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุจนทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและได้รับโทษยังไม่ปรากฏ
“ปัญหาของสังคมไทยอันหนึ่ง คือ การยอมให้เกิดวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังต่อชีวิตเลือดเนื้อของประชาชน ไม่เคยเลยที่จะมีใครต้องรับผิด ซึ่งถ้าปล่อยเป็นแบบนี้ มันไม่มีหลักประกันในอนาคตว่าจะไม่มีเหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญหากเราสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ ผมคิดว่าวาระหลักสำคัญของรัฐบาลชุดใหม่ คือ การแก้ไข ยุติปัญหาความขัดแย้ง และบาดแผลของสังคมไทยที่สืบเนื่องมาตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งการคืนความยุติธรรมในกรณีการสลายการชุมนุมในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม 53 นี่ก็จะเป็นเรื่องสำคัญประเด็นหนึ่ง” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า หากถามว่า ก้าวไกลจะทำการรื้อคดีตั้งแต่ปี 2549 – 2553 ใช่หรือไม่ ขอ อย่าเรียกว่าการรื้อคดี เพราะมันมีรายละเอียดต้องแยกย่อย ที่สำคัญคือกระบวนการยุติธรรมซึ่งอยู่ในมือของดีเอสไอ ในฐานะที่เป็นคดีพิเศษ มันถูกแช่แข็งไว้ หยุดนิ่งไปตั้งแต่หลังการรัฐประหารปี 57 เป็นต้นมา ดังนั้นสิ่งนี้ต้องเป็นประเด็นแรกๆ ที่ต้องผลักดันให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าต่อ เพราะขณะนี้เฉพาะคดีผู้เสียชีวิตในระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค. 53 มีการไต่สวนการเสียชีวิตไปแล้วเพียง 33 ศพ กระบวนการยังค้างอยู่ในดีเอสไอและอัยการ ยังไม่ได้เข้าสู่ชั้นศาล ส่วนที่สู่ชั้นศาลเป็นแค่กระบวนการการไต่สวนการตายเท่านั้น ยังมีอีก 62 ศพ ที่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการไต่สวนการตาย ดังนั้นเรื่องนี้ต้องเป็นลำดับแรก ๆ ที่จะต้องเดินหน้าต่อ เพื่อคืนความปกติให้กับกระบวนการยุติธรรม ให้กระบวนการยุติธรรมภายในประเทศทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่ง
“ถ้าเราอยากจะให้รัฐบาลและสังคมไทยมีสมาธิที่จะนำพาประเทศไปสู่อนาคต ก็ต้องทำให้มีสมาธิ ยุติความขัดแย้ง แล้วก็บาดแผลทางการเมืองระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ให้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้นก็เดินหน้าไม่ได้ อันนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเรายังไม่ได้พูดถึงคดีการเมืองในปัจจุบัน คดีการเมืองในอดีตด้วย ซึ่งอันนี้ทางพรรคก้าวไกลก็เป็นวาระสำคัญที่เรานำไปพูดคุยกับพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ เรากำลังดำเนินจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันอยู่ ซึ่งไม่ยากเกินไปถ้ามีความตั้งใจ จริง ๆ ข้อเสนอในการคืนความยุติธรรม มันไม่ได้ไม่เคยเกิด ตั้งแต่สมัย คอป. (คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ) ที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ตั้ง ก็มีข้อเสนอหลายเรื่องเกี่ยวกับการยุติความขัดแย้ง การคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน แล้วล่าสุด คือ คณะกรรมการสมานฉันท์ที่อดีตประธานสภา ชวน หลีกภัย ตั้งขึ้นมาเมื่อ รัฐสภาสมัยที่แล้ว ก็ได้ทำรายงานเสร็จแล้ว แต่บังเอิญเสร็จช้าไปหน่อย เสร็จตอนเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง เลยยังไม่ได้ถูกหยิบยกเข้าสู่การพิจารณาของสภา ผมคิดว่าถ้าเราสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างที่ตั้งใจ รายงานของคณะกรรมการสมานฉันท์ซึ่งมีความเป็นกลาง จะถูกหยิบขึ้นมาพิจารณาในสภา ซึ่งก็จะมีข้อเสนอหลาย ๆ อย่างที่จะสอดคล้องกันอยู่แล้วกับข้อเสนอของพรรคก้าวไกลและพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องการยุติความขัดแย้งทางการเมือง” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า ส่วนในประเด็นเรื่องการพูดถึงเรื่อง การนิรโทษกรรม และ ICC มีการพูดถึงในข้อตกลง MOU ด้วยหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้กำลังเริ่มกระบวนการพูดคุยกัน เพื่อทำ MOU รายละเอียดจึงยังไม่ยุติ คงต้องรอฟังข้อสรุปทีเดียว แต่ถือเป็นประเด็นสำคัญอยู่และเป็นหนึ่งในข้อเสนอที่หลายฝ่ายเสนอว่าจะเป็นมาตรการนำไปสู่การคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนและยุติความขัดแย้งอันจะมีในอนาคตได้