สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นฯ เรียกร้อง ส.ว. โหวต 'พิธา' นั่งนายกฯ พร้อมเหตุผล
โหวตนายกฯ 13 กรกฎาคม 2566 สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์เรียกร้องสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โหวตเลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 พร้อมยกเหตุผลประกอบ
โหวตนายกฯ 13 กรกฎาคม 2566 นี้ สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีตามฉันทามติของประชาชน คือการเลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
สำหรับเหตุผลที่ สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นฯ เรียกร้องให้ ส.ว. โหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น โดยเหตุผลสำคัญ คือ เพื่อมิให้ประเทศหยุดชะงัก และเพื่อให้รัฐบาลใหม่เข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศโดยเร็วต่อไป
ตามที่ประธานรัฐสภาได้นัดประชุมสมาชิกรัฐสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 โดยมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่พรรคการเมืองรวม 8 พรรค นำโดยพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้รวบรวมเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกิน 250 เสียง โดยจะเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี นั้น
เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2560 ได้มีบทเฉพาะกาลกำหนดให้สมาชิกวุฒิสภา ร่วมลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในระยะ 5 ปีแรกของการประกาศใช้รัฐธรรมนูญด้วย ทำให้สมาชิกวุฒิสภามีหน้าที่ ที่จะต้องทำตามรัฐธรรมนูญโดยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นี้
ซึ่งผู้ที่จะได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องได้รับคะแนนเสียงของสมาชิกรัฐสภาไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดหรือ 376 เสียงขึ้นไป
ในการนี้ สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย มีความเห็นว่า เมื่อพรรคการเมืองใดรวบรวมคะแนนเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เกิน 250 เสียง จึงย่อมมีความชอบธรรมที่จะได้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเข้ามาบริหารประเทศตามเจตจำนงของประชาชนเสียงข้างมากตามหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ส่วนประเด็นนโยบายของพรรคการเมืองที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชนนั้น เป็นเพียงนโยบายของพรรคที่เสนอต่อประชาชน หาใช่เหตุที่จะนำมาเป็นเงื่อนไขในการที่จะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีไม่
เนื่องจากพรรคการเมืองที่ได้เข้ามาบริหารประเทศย่อมต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการแก้ไขกฎหมายใดๆ ย่อมต้องให้สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาเป็นผู้พิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ รัฐบาลไม่สามารถที่จะกระทำตามอำเภอใจได้ไม่
ประกอบกับสมาคมฯ ได้มีการจัดประชุมสัมมนาทางวิชาการเมื่อวันที่ 1-2 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา พบว่ามีกฎหมายและระเบียบจำนวนมากที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ให้บริการแก่ประชาชนในแต่ละท้องถิ่น ซึ่งจำเป็นต้องให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาแก้ไขปรับปรุงโดยเร็วเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน
ดังนั้น สมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย จึงขอเรียกร้องไปยังสมาชิกวุฒิสภาทุกท่านได้โปรดคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยส่วนรวม เพื่อมิให้ประเทศหยุดชะงัก และเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศกลับมาให้เศรษฐกิจของประเทศก้าวเดินต่อไป
รวมทั้งเพื่อจรรโลงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยการโหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีตามฉันทามติของประชาชนเสียงข้างมากในวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 นี้อย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยความเคารพยิ่ง