"พิธา" ถาม พท. เอาไงแน่ ลั่น ถ้าดึง พปชร.-รทสช. ร่วมรัฐบาล ไม่มีก้าวไกล
"พิธา" เผย กำลังใจดี ตั้งใจทำงานต่อ สวน พวกเรียกร้องก้าวไกล เสียสละ ย้ำ สัจจะ ที่ให้ไว้กับ ปชช. สำคัญกว่า ถาม พท. ยังไงกันแน่ ถ้าดึง พปชร.-รทสช. ร่วม ไม่มีก้าวไกล ยัน เดินเกมไม่ผิด หลังชวด ปธ.สภา-นายกฯ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังลงพื้นที่ ร้านสัมพันธ์การค้า บ้านเขาหอม ต.โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ว่า ตอนนี้กำลังใจยังดีอยู่ตั้งใจที่จะทำงานต่อตอนแรกที่จะมาโป่งน้ำร้อน เพราะมีปัญหาภัยแล้งรุนแรง ตั้งใจว่าไปที่ไหนก็จะทำงาน รับฟังปัญหา และช่วย สส.ทำประเด็นที่จะปรึกษาหารือเพื่อเอาไปอภิปรายในสภา เพราะเรามีความรู้ที่จะทำงานต่อได้ ไม่ได้ตั้งใจจะปราศรัยเยอะขนาดนี้ ฟังเสียงตนก็น่าก็รู้ แทนที่จะได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ แต่พอมาปุ๊ปก็ต้องมาปราศรัย แต่ต่อไปนี้ตั้งใจว่าจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในช่วงเวลาแบบนี้ในการลงพื้นที่ เป็นโค้ชให้กับสส.เขตแทน ว่าอะไรที่เป็นปัญหาเร่งด่วน ให้เขาได้ทำงานในสภา ให้ไปหารือในข้อกฎหมาย ตั้งใจว่าไม่อะไรที่ไม่ต้องมีมวลชนเยอะและได้ใกล้ขิดกับประชาขนมากขึ้นจริงๆมากกว่า
เมื่อถามว่า มีความพยายามให้พรรคก้าวไกลเสียสละจากการเป็นพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลนั้นนายพิธา ระบุว่า
คิดว่าตอนนี้คุณค่าที่สำคัญ ก็คือที่ สัจจะไม่ใช่เสียสละ คือสัจจะที่เคยให้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ตามที่เขาคาดหวัง ถ้าเรารักษาสัจจะที่ให้กับประชาชนไว้ ก็ไม่มีใครต้องเสียสละเพราะเป็นไปตามกฎกติกาที่มันมีอยู่ตามครรลองการเมืองปกติ เพราะฉะนั้นถ้าบอกว่าให้เสียสละ เหมือนเอาคะแนน 14ล้านเสียงไปเทกระจาด และทำให้ประชาชนผิดหวัง ตนว่าถึงตอนนั้นต้องยึดสัจจะให้มั่นและยึดหลักการให้มั่น มากกว่าการที่มองว่าใครควรจะเสียสละหรือไม่เสียสละ แต่เอาหลักการปกติที่ควรจะเป็นเป็นตัวตั้ง
เมื่อถามว่า การที่พรรคเพื่อไทยเชิญพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ มาพูดคุยถือเป็นการทำตามมติ8พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่า ตนว่าคงต้องรอทางพรรคเพื่อไทยกลับมาพูดคุยกับวง8พรรคอย่างเป็นทางการ เมื่อวานลงพื้นที่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ตามข่าว แต่เท่าที่ฟังเป็นการเชิญแล้วแต่ละพรรคก็มีความคิดเห็นของแต่ละพรรค ตอนนี้ตนก็รอเพื่อไทยเป็นคนพูดไม่อยากให้สัมภาษณ์อะไรไปก่อน รอเอากลับเข้ามาชี้แจงในวง ตอนนี้คงไม่ตัดสินใจอะไรกันผ่านหน้าข่าว หรือตัดสินใจกันโดยไม่ฟังจากปากใน 8พรรคร่วม และยังยืนยันด้วยว่า MOU 8พรรคยังอยู่เหมือนเดิม และยังเชื่อใจพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม
เมื่อถามการพูดคุยกับพรรคทหารจำแลง คือพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นเงื่อนไขในการผลักพรรคก้าวไกลออกจากการร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายพิธา ระบุว่า “ณเช้าวันอาทิตย์ยังเห็นว่าเป็นแค่การพูดคุย แต่ถ้าเป็นการเชิญเข้ามาร่วมรัฐบาลจริงๆ ก้าวไกลอยู่ด้วยไม่ได้จริงๆในสมการนั้น ถ้าเชิญมาร่วมรัฐบาลจริงๆจะไม่มีก้าวไกล แต่ ณ ปัจจุบัน พูดให้ชัด เป็นการเชิญมาเพื่อพูดคุย ยังไม่ได้เชิญมารรวมรัฐบาล ต้องรอฟังจากพรรคเพื่อไทยก่อนว่าตกลงแล้วมันยังไงกันแน่ และผมจะฟังจากปากของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตัดสินใจจากหน้าข่าวหรือการฟังสัมภาษณ์เพียงสั้นๆ แต่ต้องการฟังเหตุผลยาวๆ”
ส่วนเรื่องถอย ม.112 หากที่ประชุม8พรรคร่วมต้องการให้ถอย จะถอยได้แค่ไหนนั้น นายพิธาระบุว่า
เท่าที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ไปประชุมแทน ถ้าจะให้ถอยถอยเรื่องอะไรถอนด้วยเนื้อหาอะไร แล้วความเป็นรูปธรรมของการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชนที่เป็นการยุติการสืบทอดอำนาจเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ เรื่องตรงนี้เหรียญมี2ด้าน ต้องถามว่ารายละเอียดคืออะไร ไม่ใช่ให้ถอยไปแล้วจบ ดังนั้นต้องฟังรายละเอียด ให้เกียรติพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำอยู่ตอนนี้ ว่าที่ไปพูดคุยมา เขาฝากข้อความมาเรื่องอะไรบ้าง ตรงตามที่วุฒิสภาเคยอภิปรายในสภาไว้ ว่ากังวลใจในเรื่องรายละเอียดอย่างไร ต้องให้ใครฟ้อง ต้องให้คณะกรรมการฟ้องหรือให้สำนักพระราชวังฟ้อง ถ้าเป็นแบบนี้ก็ให้เอารายละเอียดมาแล้วให้พรรคก้าวไกลตัดสินใจ แต่ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดอะไร จึงทำให้เรื่องนี้ยังไม่นิ่งต้องรอรายละเอียดจากพรรคเพื่อไทย
ส่วนรู้สึกหรือไม่ว่าพรรคก้าวไกลถูกบีบหลังทั้ง3พรรคที่มาพูดคุยเมื่อวานต่างบอกว่า ก้าวไกลเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา ระบุว่า ไม่ได้รู้สึกอะไรถ้า8พรรคจัดตั้งรัฐบาลจับกันไว้ให้แน่น ใครก็มาบีบเราไม่ได้ และถ้าหนักแน่นและยังยืนยันในหลักการ ค่อยๆทำให้คนเข้ามาร่วมกับเราได้มากขึ้น ใช้หลักการ ใช้ความต้องการของประชาชน อย่าให้เขามาดันเรา เราต้องดึงพวกเขา และจัดตั้งรัฐบาลตามที่มันควรจะเป็นได้จริงๆ และยังเชื่อใจพรรคเพื่อไทยว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะยึดวิถีทางในการทำทุกวิถีทางในการยึดสัจจะที่เคยให้ไว้กับประชาชนและทำให้เดินหน้าไปได้
เมื่อถามว่าทีมกฎหมายของพรรคได้เตรียมคำชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งกรณี ITV และนโยบายแก้ไข ม.112 ไว้พร้อมแล้วหรือไม่ นายพิธา ตอบว่า แน่นอน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องให้เวลาในการทำงาน ซึ่งตนได้แบ่งเวลาทั้งการลงพื้นที่ดูแลประชาชน และช่วงเวลาหนึ่งผมจะไปใช้ในเรื่องนี้ด้วย เพื่อเป็นการรุกและรับ ซึ่งตนยืนยันในความบริสุทธิ์ ทั้ง2คดีไม่น่ามีปัญหาอะไร
นักข่าวถามอีกว่า จนถึงวันนี้ยอมรับหรือไม่ว่าเป็นการเดินเกมผิดทำให้เสียทั้งเก้าอี้ประธานสภาและเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และกำลังถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน นายพิธา ยืนยันว่า ไม่ผิด เพราะตั้งใจที่จะทำงาน เพื่อที่จะให้รุกถอยเป็น เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ แน่นอนว่าอาจจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปแต่ก็ไม่ได้เกินคาดที่เราได้คาดคิดไว้ และจะขอเดินหน้าทำงานต่อ