ปรับครม. ‘เพื่อไทย’ ร้าวหนัก จับตาคลื่นใต้น้ำ กลุ่มอกหัก ป่วน
ปรับครม. ‘เพื่อไทย’ ร้าวหนัก จับตาคลื่นใต้น้ำ กลุ่มอกหัก ป่วน หลังแจกเก้าอี้ ‘กลุ่มใกล้ชิด’ 7 อาฟเตอร์ช็อก 'เพื่อไทย' ลามกระแสพรรค
Key Points :
- ปรับครม. เศรษฐา 2 ส่งแรงกระเพื่อมสะเทือน "เพื่อไทย" เนื่องจากกลุ่มที่มีฐานจาก สส. ถูกปลดออก ตรงกันข้ามกลุ่มสมหวังกลับเป็น "เด็กนาย-คนใกล้ชิด"
- ปรากฎการณ์ของ "ปานปรีย์" ชิงจังหวะลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ บ่งบอกถึงความไม่พอใจการบริหารตำแหน่งของ "เศรษฐา" เช่นเดียวกับเพจแฟนคลับ "หมอชลน่าน" ออกมาเคลื่อนไหวไม่พอใจ
- หลังจากนี้ต้องจับตาสถานการณ์ใน "เพื่อไทย" แม้จะมี "นายใหญ่-นายหญิง" คอยกำกับดูแล สส. แต่รอยร้าวที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบในระยะยาว
สถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทย หลังปรับคณะรัฐมนตรีมีแรงกระเพื่อมออกมาให้เห็นเด่นชัด จากปมร้าวที่ถูกซุกไว้ใต้พรม ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะ“รัฐมนตรีเก่า”ที่ถูกปรับออก-ถูกลดชั้นมีเครดิตทางการเมืองมากกว่า“รัฐมนตรีใหม่”
ผนวกกับบารมีทางการเมืองของ "เศรษฐา ทวีสิน" นายกฯ ยังมีไม่มากพอให้ “บิ๊กเพื่อไทย-สส.” เกรงใจ แม้จะมี “นายใหญ่-นายหญิง” คอยเป็นตัวเชื่อม เพื่อสมานรอยร้าว แต่บางจังหวะ “ทีมงานหลังบ้าน” ของ “นายใหญ่-นายหญิง” กลับชิงดีชิงเด่น จนกระทบการทำงานภาพใหญ่
นาทีนี้ “เศรษฐา” ต้องเผชิญกับคลื่นลมแรงภายใน “เพื่อไทย” เนื่องจาก สส. หลายสาย ไม่พอใจการบริหารอำนาจของ“นายกฯ”อย่างหนัก เพราะบรรดา“รัฐมนตรีใหม่” คือคนใกล้ตัว-มิตรใกล้ชิด ที่ระยะหลังเดินเข้าออกตึกไทยคู่ฟ้าเป็นว่าเล่น
จึงไม่แปลก “รัฐมนตรีเก่า-กองเชียร์” จะฮึดสู้ ดังนั้นปฏิบัติการข่าวสารบนดิน-ใต้ดิน จึงพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกฯเศรษฐาและคนที่อยู่เบื้องหลัง
ไล่เรียงมาตั้งแต่ “สุริยะ จึงรุ่งเรือง” รองนายกฯ รมว.คมนาคม แม้จะมาดูแล สส.เพื่อไทย ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ทั้งที่เคยมีข้อหาหักหลัง “เพื่อไทย”ในช่วงการเลือกตั้งปี 2562 และยังเป็นแผลฝังในใจ “คนเพื่อไทย-คนเสื้อแดง” แต่สุริยะยังกลับมาได้ เพราะความสนิทชิดเชื้อกับทั้งเจ้าของพรรคและนายกฯคนใหม่
เช่นเดียวกับ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข แม้จะหลุดรองนายกฯ แต่การได้นั่งเบอร์หนึ่งกระทรวงหมอ ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการของ “สมศักดิ์” มากกว่า ยิ่งทำให้กลุ่ม สส. ไม่พอใจ “สุริยะ-สมศักดิ์” ที่กลับมาผงาดเกินหน้าเกินตา
“พิชิต ชื่นบาน” รมต.ประสำนักนายกฯ สายตรง “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ชื่อนี้การันตีสายตรงอดีตนายกฯหญิง ยังแรงเกินต้านจากคนในพรรค แต่แรงต้านจากกระแสและคนนอกพรรคมีสูงลิบ
“จักรพงษ์ แสงมณี” รมต.ประจำสำนักนายกฯ สายตรงของ “เศรษฐา” โยกจากกระทรวงการต่างประเทศ จะมาดูแลเรื่องงบประมาณ ที่ผ่านมา “จักรพงษ์” ไม่มีบทบาทภายในพรรค ทำให้แรงต้านค่อนข้างสูง
“จิราพร สินธุไพร” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แม้จะมีฐานมาจาก สส. แต่ระยะหลัง “จิราพร” มักปรากฏตัวข้างกาย “เศรษฐา” ในทุกครั้งที่ลงพื้นที่ จึงถูกจัดอยู่ในโควตานายกฯ
“พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ รมว.คลัง มีแรงหนุนจาก“อดีตนายกฯหญิง-นายกฯเศรษฐา” และสุดท้ายได้ไฟเขียวจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ทำให้ชื่อเข้าวินแบบนอนมา
“เผ่าภูมิ โรจนสกุล” รมช.คลัง ศิษย์เอกของ “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รมว.พาณิชย์ เมื่อเป็นเด็กมี “นาย” จึงไม่แปลกที่ สส. จะไม่พอใจ
“เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา แม้ตัวของ “เสริมศักดิ์” จะไม่ใช่สายตรง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” แต่ลูกชาย “ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช”ผู้ผลักดันบิดา มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ “ยิ่งลักษณ์“ และ”แพทองธาร” การเดินเกมสลับเก้าอี้ข้ามกระทรวง จึงถูกมองว่ามีใบสั่ง เพื่อตอบแทนการถูกเว้นวรรคการเมืองจากคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ
ด้าน “กลุ่มอกหัก” เกือบทั้งหมดมาจากฐาน สส. ไล่ตั้งแต่ “ชลน่าน ศรีแก้ว” อดีต รมว.สาธารณสุข สส. น่าน ได้รับการตอบแทนจากการอาสาตัวเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน เปิดหน้ารบกับ “ก้าวไกล” จนพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล แต่มี “กลุ่มเสี้ยม” ทำให้ “หมอชลน่าน” หลุดเก้าอี้
“ไชยา พรหมา” อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ สส.หนองบัวลำภู มีฐานจากการเป็น สส. หลายสมัย แต่ผลงานในกระทรวงเกษตรฯ ถูก “เจ้ากระทรวง”กลบหมด จนไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายได้
“พวงเพ็ชร ชุนละเอียด” อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ แม้ “เพื่อไทย” จะพ่ายศึกเลือกตั้งใน กทม. เหลือเพียง สส. เก้าอี้เดียว แต่ “พวงเพ็ชร” ทำงานมานาน และถือเป็นตัวแทนของ “ทีมกทม.” หากจะปรับออก คนเข้าใหม่จึงถูกมองว่าควรเป็นคนจาก “ทีมกทม.” แต่เมื่อไม่มีรัฐมนตรีจาก กทม. การต่อยอดพื้นที่อาจยากทวีคูณ
“สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” ถูกลดเกรดกระทรวงให้มานั่ง รมว.วัฒนธรรม แม้จะติดภาพโควตา “นายทุน” แต่กำลัง สส. ของ “วีระศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” มีไม่น้อย การลดเกรดลูกสาว ต้องจับตาว่ากระทบต่อการทำงานเชิงพื้นที่ของ “ทีมหวังศุภกิจโกศล” หรือไม่
“ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจาก รมว. ต่างประเทศ แม้จะอธิบายสาเหตุหลักในหนังสือลาออก แต่เบื้องลึกที่เจ้าตัวไม่ได้เปิดโปง คือความไม่โปร่งใส ในหลายโครงการภายใต้กำกับดูแลหน่วยงานในตำแหน่งรองนายกฯ โดยเฉพาะเรื่องแผนการใช้งบฯ ในหลายกองทุนที่ปานปรีย์เป็นประธาน ที่ว่ากันว่าเจ้าตัวปฏิเสธ “โพย”จาก“มือมืด”หลายรายการ และพยายามจะตั้งกรรมการคนนอกเข้าไปร่วมกลั่นกรอง
นอกจากนี้ ยังมีกรณีข้ามหัว ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์อันเนื่องมาจากความไม่สงบในเมียนมา ที่ปานปรีย์มีอำนาจเต็ม และเน้นดำเนินนโยบายการทูตเชิงรุก แต่หน่วยงานความมั่นคง อาทิ ผบ.สส. สมช.กลับรายงานตรงต่อนายกฯ
สภาพปัญหาเหล่านี้ ทำให้ก่อเกิดคลื่นใต้น้ำ ที่รอวันปั่นป่วน“เพื่อไทย” ด้วยหลายมูลเหตุดังนี้
1. กลุ่ม สส.ไม่พอใจการปรับ ครม.อย่างไม่เป็นธรรม 2. อาจมีปัญหาในการดูแลพื้นที่ 3. ตอบแทนกลุ่มใกล้ชิด คนใกล้ตัว 4. ไม่ตอบโจทย์การทำงานเชิงรุก 5.ต่างตอบแทน “2 ส.” ที่เคยทิ้งพรรค จนเกินควร 6. ฆ่าขุนพลที่เคยร่วมสู้กันมานาน 7. กลุ่มที่ไม่พอใจนายกฯเศรษฐามาก่อน หาช่องปฏิบัติการรุกกลับทันที
ฉะนั้น ต้องจับตาว่าบรรดาผู้มีอำนาจหลังฉาก โดยเฉพาะ“นายใหญ่-นายหญิง-อดีตนายกฯหญิง” จะสามารถเคลียร์ปัญหาที่กำลังลามถึงกระแสพรรคได้มากน้อยเพียงใด