‘พิชิต’ ขึ้นปาฐกถา เผย รัฐบาล หนุน ศาสนา กลไกสร้างคุณธรรม จริยธรรม ดำเนินชีวิต

‘พิชิต’ ขึ้นปาฐกถา เผย รัฐบาล หนุน ศาสนา กลไกสร้างคุณธรรม จริยธรรม ดำเนินชีวิต

“พิชิต” ขึ้นปาฐกถาพิเศษ “พุทธวิถีสู่การสร้างความไว้วางใจและความสามัคคี” หนุน ศาสนาเป็นกลไกสร้างคุณธรรม-จริยธรรม ดำเนินชีวิต เผย บันได 4 ขั้น อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษเรื่อง“พุทธวิถีสู่การสร้างความไว้วางใจและความสามัคคี” ในพิธีเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ครั้งที่ 19 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลไทยตระหนักถึงความสำคัญของการนำหลักศาสนามาพัฒนาจิตใจและปัญญา ตามที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า จะส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต เพื่อบ่มเพาะและยกระดับความไว้วางใจ เกิดความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของพลเมืองไทย ผ่านการขับเคลื่อนด้วยบันได 4 ขั้นคือ

1.โอบอ้อมเอื้ออารี หรือทาน ที่ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการผ่าน“โครงการทำเนียบช่วยได้” ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบกับปัญหาต่าง ๆ กระตุ้นให้เกิดไกล่เกลี่ย ประนีประนอมข้อพิพาท

‘พิชิต’ ขึ้นปาฐกถา เผย รัฐบาล หนุน ศาสนา กลไกสร้างคุณธรรม จริยธรรม ดำเนินชีวิต

2.สื่อสารดีและไพเราะ หรือปิยวาจา  โดยได้ให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์ ของกรมประชาสัมพันธ์ ออกแบบรูปแบบรายการและกิจกรรมที่เสริมสร้างความรัก ความสามัคคี รวมถึงการสื่อสารของเยาวชนให้สามารถใช้สื่ออย่างรู้เท่าทัน ไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรม

3.สงเคราะห์หมู่ชน หรืออัตตจริยา รัฐบาลได้น้อมนำพระบรมราโชบาย “ทำความดีด้วยหัวใจ” และโครงการจิตอาสาตามแนวพระราชดำริมาประยุกต์เป็นแนวทางในการพัฒนาโครงการและกิจกรรมต่าง รวมทั้งสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมและการดูแลสุขภาพของพระสงฆ์ไทย ด้วยการจัดให้มี ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ 

และ4 คือการวางตนให้เหมาะสม หรือสมานัตตตา รัฐบาลไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ ในการดำเนินชีวิต และประกอบธุรกิจเพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อสังคม ทำลายธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และเอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน 

‘พิชิต’ ขึ้นปาฐกถา เผย รัฐบาล หนุน ศาสนา กลไกสร้างคุณธรรม จริยธรรม ดำเนินชีวิต

นายพิชิต กล่าวว่า ความไว้วางใจ เป็นรากฐานสำคัญของความสมัครสมานสามัคคีของครอบครัว องค์กร ชุมชน และสังคม ทั้งในระดับชาติและระดับโลก รัฐบาลไทยได้ทุ่มเทสรรพกำลังทั้งคนและงบประมาณ ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสร้างสังคมสันติสุขให้ได้อย่างยั่งยืน สอดรับกับหัวข้อหลักของการจัดงานในปีนี้ และสอดรับกับพุทธประสงค์ที่ว่า “สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความสามัคคีของหมู่ทำให้เกิดสุข” โดยการใช้หลักสังคหวัตถุธรรม มาเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างกันและกัน