บารมี ‘ทักษิณ’ กอบกู้ ‘พท.’ ชง เศรษฐา โด๊ป เศรษฐกิจ

บารมี ‘ทักษิณ’ กอบกู้ ‘พท.’ ชง เศรษฐา โด๊ป เศรษฐกิจ

ท่ามกลางปัจจัยรุมเร้าต่อตัว“เศรษฐา” และความผันผวนในดีลอำนาจที่ลี้ลับ ตามคำของทักษิณ เป็นของร้อนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้

Key Points 

  • ฉากการเคลื่อนไหวของทักษิณ ชินวัตร เห็นชัดว่าถึงบทบาทว่าเป็นตัวจริง
  • เดิมพันสำคัญคือกอบกู้วิกฤติศรัทธาให้กับพรรคเพื่อไทย 
  • เศรษฐา ทวีสิน ที่แบกความหวัง ปชช. และความนิยมของเพื่อไทย กำลังเจอปัจจัยรุมเร้า ในดีลอำนาจร้อนลี้ลับ เอาแน่เอานอนไม่ได้

บทบาทของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในทางการเมือง ฉายชัดอย่างขีดสุดในคราวเยือนเมืองย่าโม

ถึงแม้บรรดาองคาพยพจะปกป้องนายใหญ่ ว่าไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่ฉากการเคลื่อนไหว ก็ดูจะปฏิเสธไม่ได้ว่า อดีตนายกฯ ข้องแวะการเมืองตลอด

กระแสข่าวที่ว่า ทักษิณ ดอดพบอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯมาเลเซีย ที่ภูเก็ต และการพบกับกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่สู้รบกับกองทัพเมียนมา ที่เชียงใหม่ ก็ดูจะเป็นตามนั้น เจ้าตัวไม่ได้จะปฏิเสธแต่อย่างใด

เกมการเมืองท้องถิ่น ที่เพื่อไทย ตั้งป้อมถล่มบิ๊กแจ๊ส คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ในสนามเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ก็มีภาพถ่ายว่อนโซเชียลฯ ระหว่างทักษิณ และบ้านใหญ่ในปทุมฯ ขั้วตรงข้ามบิ๊กแจ๊ส

การให้สัมภาษณ์ยอมรับ ว่าได้คุยกับเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ ให้เรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจ รีบๆ อัดยาโด๊ป หลังตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ไตรมาสแรกปี 67 ต่ำเตี่ยเรี่ยดินอยู่แค่ 1.5%

แค่นี้ก็พอจะเห็นได้ว่า ใครเป็นตัวจริงเสียงจริง ใครเป็นคนที่อยู่ในเกม และใครเป็นคนที่คุมเกมกันแน่

ไฮไลท์ตอนไปนครราชสีมาของทักษิณ ยังควงไมค์ ออกปากเทียบเชิญ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ให้ร่วมงานกับเพื่อไทย ก็ยิ่งเห็นชัดถึงบทบาทผู้มากบารมีในทางการเมืองเวลานี้

น่าสนใจว่าเพื่อไทย ชั่วโมงนี้ โพลภายในที่พรรคสำรวจความนิยมตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขก็อาจจะค้านสายตาสำหรับแกนนำหลายคนในพรรคพอสมควร ทั้งที่มีอำนาจสร้างผลงานมาเกือบปี จากนี้จะบริหารจัดการสถานการณ์ที่เป็นอยู่อย่างไร

แถมยังโดนสำทับด้วยผลโพลของสถาบันพระปกเกล้า ถ้าเลือกตั้งวันนี้ คนส่วนใหญ่ยังกาก้าวไกล ได้ สส.เพิ่มอยู่ที่ 208 ที่นั่ง สวนทางเพื่อไทย สส.ลดฮวบ เหลือ 105 ที่นั่ง

เมื่อเทียบความนิยมส่วนตัว คนอยากให้พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี มากที่สุด 46.9% ตามด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 17.7% ขณะที่ แพทองธาร ชินวัตร 10.5% ส่วนเศรษฐา แค่ 8.7%

การเคลื่อนไหวหลายจังหวะของทักษิณ ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่า กำลังงัดโมเดลความสำเร็จสมัยพรรคไทยรักไทย มาใช้กับเพื่อไทย เพื่อปูทางเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ คือกวาดต้อนกลุ่มก๊วนการเมือง มาควบรวมทำเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่เท่าที่จะเป็นไปได้

เป้าหมายคือเสียง สส. เกินครึ่งมากที่สุด ถ้าแตะ 300 เสียง ได้ยิ่งดี จะได้ทำอะไรได้เต็มไม้เต็มมือ

ตัวของเศรษฐา เอง ก็ดูกำลังร้อนรนกับการติดบ่วงในศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้อง 40 สว. กรณีตั้งพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ

เรื่องนี้สร้างความกังวลเต็มๆ ให้เศรษฐา ทั้งที่ในชีวิตไม่เคยต้องเจออะไรแบบนี้ แต่พอมาเป็นนักการเมือง มีอำนาจเป็นนายกฯ ไม่ทันไร กลับเจอเรื่องให้อยู่ไม่เป็นสุข

“เศรษฐา” ในฐานะนายกฯ ถึงกับต้องวิ่งหา วิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงบ้านพัก ขอคำปรึกษาเพื่อทำคำชี้แจงต่อศาลฯ

เอาเข้าจริงสิ่งที่เศรษฐา กำลังเผชิญ อาจสร้างความสับสนให้เจ้าตัวอยู่หรือไม่ ว่ากลายเป็นเหยื่อในเกมอำนาจของใครกับใครกันแน่

จะว่าไปสถานการณ์แบบนี้ อาจเข้าทาง V1 ไม่มากก็น้อย เพราะมีอิทธิพลกำหนดทิศทางความเป็นไปของรัฐบาล และตัวของเศรษฐาได้ค่อนข้างอยู่มือ

เศรษฐา ที่รับบทหนัก แบกความคาดหวังของประชาชนในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แบกความคาดหวังของเพื่อไทย ในการพลิกฟื้นความนิยม

ท่ามกลางปัจจัยรุมเร้าต่อตัว“เศรษฐา” และความผันผวนในดีลอำนาจที่ลี้ลับ ตามคำของทักษิณ เป็นของร้อนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้