'เศรษฐา' มั่นใจสิ้นปีหน้าปิดดีล Apple ตั้ง Developer Academy

'เศรษฐา' มั่นใจสิ้นปีหน้าปิดดีล Apple ตั้ง Developer Academy

'นายกฯ' มั่นใจสิ้นปีหน้าปิดดีลจับบริษัท Apple ตั้ง Apple Developer Academy ยันไม่มีแนวคิดเก็บค่านักท่องเที่ยวต่างชาติ เชื่อมีรายอื่นเสริมเข้ากองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2567 ที่ตลาดจริงใจมาร์เก็ต จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สรุปภารกิจการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่วันแรก เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยเฉพาะการหารือขยายความร่วมมือของศูนย์ Startup ร่วมกับบริษัท Apple ที่อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  จะมีความพร้อมสามารถปิดดิวในครั้งแรกได้เลยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สถานที่ได้แล้ว ส่วนเรื่องการพูดคุยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ก็ทราบถึงศักยภาพตรงนี้ ตนเองก็พยายามที่จะต่อยอดไปว่าหากมาอยู่ใน Apple Developer Academy ในประเทศไทย ซึ่งระยะเวลาในการฝึกฝน 9 เดือน ก็ไม่อยากให้เวลา 9 เดือนเสียประโยชน์ ทั้งนี้ ทีมงานกำลังนัดผู้บริหารของบริษัท Apple เข้ามาดูและปิดดีล  ภายในสิ้นปี 2568 นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่ากลุ่ม  Startup ของไทยมีความพร้อมมากน้อยแค่ไหน  นายกฯ กล่าวว่า มีการพูดคุยกับกลุ่ม Startup 3 กลุ่ม ซึ่งถือเป็นไอเดียที่ดี แต่เชื่อว่าเราต้องพัฒนาในการนำเสนอที่ควรกระชับ ตรงประเด็นจริง ๆ ซึ่งไม่อยากไปบอกว่าต้องทำอย่างไร ฉะนั้น จุดเริ่มต้นที่ดีหาก  Apple มาลงทุนกับเราในสตาร์ทอัพเป็นแสนล้าน ตนเองเชื่อว่าเขาเป็นหน่วยงานที่เหมาะสมที่จะช่วยขัดเกลา การลงทุนในประเทศไทย 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เชียงใหม่เป็นจังหวัดจุดเริ่มต้นของการท่องเที่ยวและจะมีหมุดหมายจังหวัดอื่นอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่เราจะมีเมืองท่องเที่ยว โดยเราเริ่มคิกออฟที่ จ.ลำพูน และ จ.ลำปาง ก่อน จะขยายไปทั่วประเทศอย่างที่บอกเมืองไทยไม่ได้มีเฉพาะกรุงเทพฯ ภูเก็ตและพัทยา การที่เรามีนักท่องเที่ยวเป็น 10 ล้านคน ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เหนือสิ่งอื่นใดการใช้จ่ายต่อหัวกับระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทยเป็นเรื่องสำคัญ หากนักท่องเที่ยวมาอยู่กรุงเทพฯ และเที่ยวในจังหวัดอื่น ๆ เป็น 10 วัน ก็จะทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยและมีการกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาคและการท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็เห็นด้วยและพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนโยบายการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยผ่านช่องทางอากาศ 300 บาท ที่เลื่อนมาจากรัฐบาลที่แล้วจะมีการดำเนินการอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่อยู่ในแนวคิด เราอยากให้คนเข้ามาเที่ยวหากเรามองระยะสั้นมองรายได้ที่ได้จาก 300 บาทต่อหัว ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะได้ แต่หากเราดูว่าเขาเข้ามาเยอะกว่านี้ ไม่ต้องเสีย 300 บาท แต่เขามาจับจ่ายใช้สอย มาซื้อของช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่ารัฐบาลจะได้รายได้สูงกว่าตรงนี้  ซึ่งต้องฟังเสียงทุกเสียงดู แต่ ณ จุดนี้ยังไม่มีนโยบายนี้  

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หลักเกณฑ์ส่วนหนึ่งของกองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้วจะนำมาพัฒนาการท่องเที่ยวตรงนี้ หากหายไปรัฐบาลจะนำอะไรมาทดแทน นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าหากมีรายได้เสริมมาจากด้านอื่นในการเก็บภาษี เราจะสามารถจัดสรรให้เงินมาอยู่ในกองทุนนี้ได้อยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า World Economic Forum (WEF) จัดลำดับการพัฒนาการท่องเที่ยวและการเดินทางของ 119 ประเทศทั่วโลก ประเทศไทยได้ลำดับที่ 47 ตกลงมา 6 ลำดับ เมื่อเทียบกับดัชนีปี 2562 ของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา นายกฯ กล่าวว่า เราควรก้าวข้ามว่าเป็นความผิดของใครดีกว่า รัฐบาลนี้มาเพื่อจะพัฒนาทุกอย่าง อย่างต่อเนื่อง เราต้องให้เกียรติรัฐบาลเก่า  เพราะความจริงแล้วหลาย ๆ เรื่อง ที่บางช่วงเวลาก็มีความจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในหลายๆ ด้าน แต่ว่าตอนนี้ ตนเองเชื่อว่าทุกทุกรัฐบาลเห็นตรงกันว่า เรื่องของการท่องเที่ยวเป็นเรือธงใหญ่อันหนึ่งที่จะนำรายได้เข้าสู่ประเทศได้  ซึ่งเห็นหลายโพลก็ให้หลายเมือง หลายเกาะในประเทศไทย เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก  เราอย่าไปฟังบางเสียงแล้วกัน  ตรงไหนฟังและมีกำลังใจ มีเหตุมีผลเรานำไปพัฒนาต่อได้

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ว่าอยากให้การท่องเที่ยวไทยอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่นายกฯ กล่าวว่า อย่ามองไปอย่างนั้นดีกว่า แล้วแต่ว่าโพลไหน ฟังเสียงพี่น้องประชาชนคนไทยดีกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีแผนเสนองบประมาณในการกระตุ้นการตลาดในการท่องเที่ยวเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเชื่อว่ารัฐมนตรีที่เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งกำลังพิจารณาอยู่ ให้เวลาท่านหน่อย ซึ่งถ้าไอเดียดี ก็มีการสนับสนุนงบประมาณแน่นอน