ป.ป.ช.ขยายเวลาสอบ 'เศรษฐา' ปมตั้ง 'บิ๊กต่อ' เป็น ผบ.ตร.มิชอบ

ป.ป.ช.ขยายเวลาสอบ 'เศรษฐา' ปมตั้ง 'บิ๊กต่อ' เป็น ผบ.ตร.มิชอบ

ป.ป.ช.มีมติขยายเวลาสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ปมกล่าวหา 'เศรษฐา' แต่งตั้ง 'บิ๊กต่อ' เป็น ผบ.ตร.โดยมิชอบ หลังรับเรื่องมากว่า 9 เดือน

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2567 มีรายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติขยายเวลาการตรวจสอบ กรณีกล่าวหานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับพวก แต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยมิชอบ หลังจากคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น ได้เสนอรายงานและความเห็นแก่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันเดียวกัน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการหารือกรณีที่นายเศรษฐา ถูกร้องเรียนว่า แต่งตั้ง ผบ.ตร. โดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ก่อนหน้านี้ทาง ป.ป.ช. ได้มีการเชิญเลขาฯ ก.ตร. เข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดแล้ว แต่การเข้ามาชี้แจง เป็นการชี้แจงในภาพกว้างทั่วไป ไม่ได้ลงรายละเอียดในเรื่องของผลงาน 

นายนิวัติไชย กล่าวว่า วันนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังมีความสงสัยเรื่องของผลงานด้านการสืบสวนสอบสวน เพราะยังไม่มีความชัดเจนในรายละเอียดว่า ผลงานด้านการสืบสวนสอบสวน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ มีการกำหนดหลักเกณฑ์และกรอบการให้คะแนนไว้อย่างไร รวมถึงคำว่าสืบสวนสอบสวน ตาม พ.ร.บ.ฯ มีความหมายว่าอย่างไร ที่ประชุมจึงมีมติให้มีการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม 

นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องไปดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ว่าในระหว่างที่มีการพิจารณาคัดเลือก ผบ.ตร. ในขั้นตอนของ ก.ตร. มีการเสนอผลงานหรือไม่อย่างไร โดยกรอบเวลาในการตรวจสอบ นายนิวัติไชย ไม่ได้ระบุชัดว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่บอกว่า กรณีนี้มีการตรวจสอบเพียงประเด็นเดียว น่าจะไม่ล่าช้า โดยหากตรวจสอบเสร็จสิ้นและพบว่ามีมูล ก็จะมีการเสนอสั่งไต่สวน แต่หากไม่มีมูล ป.ป.ช. ก็จะไม่รับเรื่องไว้พิจารณา

เมื่อถามว่าประเด็นนี้จะเป็นเหตุให้นายเศรษฐาพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่า ยังอีกไกล เพราะขณะนี้เป็นเพียงขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่ได้มีการสั่งไต่สวนเลยด้วยซ้ำ

ส่วนเรื่องคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ “บิ๊กโจ๊ก” ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาของ ป.ป.ช. นั้น นายนิวัติไชย กล่าวว่า มีอยู่ 2 คดี คือ 1. คดีเว็บพนันมินนี่ ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ป.ป.ช. มีการขอสำนวนคืนจากพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ได้รับกลับมา อยู่ในระหว่างติดตาม และ 2. คือคดีที่ สน.เตาปูน ป.ป.ช. มีมติรับไว้พิจารณาเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องกับ “บิ๊กโจ๊ก” ส่วนคดีทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการเล่นพนัน ได้มีการส่งคืน สน.เตาปูน ไปแล้ว โดย ป.ป.ช. จะนำทั้ง 2 สำนวนมาพิจารณาร่วมกัน เพราะทั้งสองคดีเป็นโครงข่ายที่มีความเชื่อมโยงกันทางด้านบัญชี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนี้เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2566 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. (ยื่นถอนคำร้องในภายหลัง) ดำเนินการร้องเรียนกล่าวหา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ไม่เป็นธรรม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย 

โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยเชิญฝ่ายเลขาฯของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มาให้ข้อมูลเพื่อดูว่า การแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และข้อเท็จจริงในการประชุมเป็นอย่างไร รวมถึงมีมติให้ตรวจสอบเพิ่มเติม ในส่วนของข้อมูล ก.ตร. เพื่อจะได้ให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย