'นิกร' เผย 'กมธ.นิรโทษกรรม' เคาะ ตั้ง กรรมการ-แนวทางล้างผิด

'นิกร' เผย 'กมธ.นิรโทษกรรม' เคาะ ตั้ง กรรมการ-แนวทางล้างผิด

“นิกร” เผย กมธ.นิรโทษ เคาะ ตั้ง คกก.ฯ-แนวทางล้างผิด ให้หน่วยที่เกี่ยวข้องรับคำร้องและวินิจฉัย พร้อมเปิดช่องยื่นอุทธรณ์ ลุ้นเหมา ม.112 หรือไม่ สัปดาห์หน้า

ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงผลการประชุม กมธ. ว่า ที่ประชุมมีมติ 2 เรื่อง  คือ 1. กลไกของการนิรโทษกรรมจะใช้รูปแบบผสมผสาน คือ ให้ผู้ได้รับสิทธินิรโทษกรรมตามกฎหมาย และประสงค์ใช้สิทธิให้ยื่นคำร้องต่อหน่วยราชการในกระบวนการยุติธรรมที่คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาของหน่วยราชการนั้น ให้หน่วยราชการที่รับคำร้อง มีอำนาจรับคำร้องและพิจารณาหรือวินิจฉัยให้สิทธินิรโทษกรรมคดีที่เข้าองค์ประกอบที่จะได้รับการ นิรโทษกรรมตามบัญชีฐานความผิดแนบท้ายพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

1.หากคดีอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ให้พนักงาน โดยมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเจ้าของคดีให้ยุติการสอบสวน

2.คดีอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของพนักงานอัยการ ให้พนักงานอัยการยุติการดำเนินคดีคดีที่อัยการส่งฟ้องแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล ให้พนักงานอัยการถอนฟ้อง

3.กรณีที่จำเลยถูกฝากขังในเรือนจำ ให้ศาลพิจารณาออกหมายปล่อย

4.คดีที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด และผู้ต้องคดีเป็นนักโทษในเรือนจำ ให้ศาลพิจารณาออกหมายปล่อย เพื่อให้กรมราชทัณฑ์ปล่อยตัวนักโทษ

5.คดีถึงที่สุด ผู้เคยต้องคำพิพากษาว่ากระทำผิด ประสงค์ขอให้ลบล้างประวัติให้ยื่นคำร้อง ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

6.ให้หน่วยงานตาม 5 ข้อ จัดทำรายงานเกี่ยวกับคดีที่จะให้มีการนิรโทษกรรม เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา หากคณะกรรมการไม่มีความเห็นแย้งภายในเวลา 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือถือว่าคณะกรรมการเห็น ด้วยกับการนิรโทษกรรมตามเสนอ

ส่วนกรณีผู้ได้รับสิทธินิรโทษกรรมใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อหน่วยราชการในกระบวนการยุติธรรมที่คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาแล้ว ได้รับการปฏิเสธไม่ดำเนินการ ให้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการนิรโทษกรรม

นายนิกร กล่าวว่า และกลไกที่ 2 ให้ผู้ได้รับสิทธินิรโทษกรรมตามกฎหมายขออุทธรณ์ กรณีที่หน่วยราชการปฏิเสธไม่ให้สิทธินิรโทษกรรม ให้คณะกรรมการนิรโทษกรรมแบบผสมผสานมีองค์ประกอบอาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานกรรมการ  ,ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นรองประธานกรรมการ และคณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้

1.พิจารณารายงานคดีที่จะให้มีการนิรโทษกรรมที่หน่วยงานราชการในกระบวนการยุติธรรมเสนอ หากมีความเห็นแย้งให้ตอบกลับหน่วยงานราชการในกระบวนการยุติธรรมภายในกำหนดเวลา๑๕ วัน นับแต่วันที่ได้รับรายงานนั้น

2.พิจารณาอุทธรณ์กรณีผู้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อหน่วยราชการในกระบวนการยุติธรรมที่
คดีอยู่ในอำนาจพิจารณา ได้รับการปฏิเสธไม่ดำเนินการ ให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการนิรโทษกรรมมีผลผููกพันหน่วยราชการดังกล่าวให้พิจารณาการให้นิรโทษกรรม

3.หยิบยกคดีที่ได้รับผลตามพระราชบัญญัตินี้แต่หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องไม่ได้หยิบ
ยกขึ้นมาพิจารณาเพื่อส่งให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งกรณีที่คณะกรรมการเห็นเองหรือกรณีที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้องร้องขอ

4.พิจารณาชี้ขาดกรณีที่มีปัญหามาสู่คณะกรรมาการว่าคดีใดได้รับสิทธิตาม
พระราชบัญญัตินี้หรือไม่ จากการเสนอของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้เสียหายและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงกรณีที่คณะกรรมาการพบเห็นเอง

5.จัดทำรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ประจำปีเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อรัฐสภาเพื่อทราบ และเผยแพร่ต่อสาธารณชน

6.สื่อสารสร้างความเข้าใจสาธารณะเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดอง

และ7.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้

เมื่อถามถึง วาระการพิจารณาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายนิกร กล่าวว่า จะพิจารณาทีหลังและต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าจะรวมหรือไม่รวมแต่ขณะนี้ข้อมูลครบหมดแล้ว เข้าใจว่าสัปดาห์หน้าจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวนี้

เมื่อถามว่า น่าจะเคาะได้เลยใช่หรือไม่ นายนิกร กล่าวว่า น่าจะเคาะได้ ตอนนี้ตนเริ่มทำรายงานในส่วนของอนุกรรมาธิการและสั่งพิมพ์แล้ว เหลือเพียงแค่ชุดใหญ่ ตั้งใจไว้ว่าสิ้นเดือน ก.ค.จะสามารถเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของสภาฯ​ ได้ แต่หากไม่ทันก็อาจจะขยับไปไม่เกิน 2 สัปดาห์ 

"ขณะนี้โครงสร้างเสร็จหมดแล้วและการร่างพ.ร.บ.นี้ต้องมีบัญชีแนบท้ายที่ว่าการจะนิรโทษกรรมจะรวมฐานความผิดอะไรบ้างเพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ส่วนที่ประชุมสภาฯ จะเอาอย่างไรก็แล้วแต่ ย้ำว่ากมธ.ชุดนี้มีหน้าที่แค่ชี้แนวทางในการทำร่างกฎหมาย ไม่ได้มีหน้าที่ยกร่าง" นายนิกร กล่าว.