'วุฒิสภา' เตรียมพร้อม 'รับรายงานตัว สว.ใหม่'
"วุฒิสภา" เตรียมสถานที่ รับ รายงานตัว 200 สว.ใหม่ แต่ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าพื้นที่ คาดเปิดรับรายงานตัว1สัปดาห์ ก่อนเรียกประชุมนัดแรก เลือกปธ.วุฒิสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาคำร้องของผู้สมัคร สว. ต่อการเลือกสว.ที่ผ่านมา ก่อนการประกาศรับรองผู้ได้รับเลือกทั้ง 200 คน ในช่วงสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้หลังจากที่กกต. ประกาศรับรอง 200 สว. และ บัญชีสำรอง 100 คนแล้ว และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ 200 สว. ต้องมารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อรับบัตรประจำตัวของการเป็น สว. รวมถึงเอกสารและคู่มือการปฏิบัติหน้าที่เป็นสว. ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้จัดเตรียมสถานที่ไว้รองรับการเข้ารายงานตัวของ 200 สว.ชุดใหม่แล้ว ที่ห้องริมน้ำ ชั้น 1 อาคารวุฒิสภา และพร้อมรับการรายงานตัวได้ในวันถัดไปจากที่ กกต. ประกาศรับรอง
อย่างไรก็ดีในการจัดเตรียมห้องรับรายงานตัว รวมถึงห้องรับรอง สว.ชุดใหม่นั้น ล่าสุด เมื่อ 5 ก.ค. ทางสำนักงานเลขาธิการ นำป้าย “ห้ามเข้า” ติดตั้งไว้ประตูทางเข้าเพื่อกันไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จะเปิดรับรายงานตัว ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือจนกว่าที่สว.จะเข้ารายงานตัวจนครบ 200 คนจากนั้นจะนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เพื่อให้สว. 200 คนกล่าวคำปฏิญาณตนต่อที่ประชุมก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นจะเป็นวาระการเลือก ประธานวุฒิสภา และ รองประธานวุฒิสภา ซึ่งมีผู้ที่คาดว่าจะเป็นแคนดิเดตประธานวุฒิสภา คือ นายมงคล สุระสัจจะ ว่าที่สว.กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง
และอาจมีประเด็นที่เป็นข้อหารือที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภารายงานเป็นวาระสำคัญ เช่น การตั้งกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรม ที่สว.ชุดที่ผ่านมาได้ ตั้งคณะทำงานไว้แล้ว เพื่อให้เกิดการทำงานที่สานต่อและต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งกรรมการเพื่อศึกษาร่างกฎหมายที่เป็นคู่ขนานกับ สภาฯ เช่น ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับ สว.ชุดใหม่ 200 คนนั้นนับเป็นสว.ชุดที่ 13 ของการเมืองไทย มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ กกต. ประกาศผลการเลือกในราชกิจจานุเบกษา ทั้งนี้ต้องจับตาการทำงานของ สว.ชุดใหม่ ที่ถูกมองว่ามาจากสายบ้านใหญ่ ที่เป็นเครือข่ายนักการเมือง อย่างไรก็ดีในมาตรา 113 ของรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ด้วยว่า สว.ต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ.