'วิโรจน์' แฉยุทธการหมาหยอกไก่ เอาถุงขนมล่อซื้อ สส.ก้าวไกล แต่ไม่มีใครหลงกล
'วิโรจน์' แฉเริ่มมียุทธการ 'หมาหยอกไก่' เอาถุงขนมมาล่อซื้อ สส.ก้าวไกล แต่ไม่มีใครหลงกล เชื่อการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว ซื้องูเห่าไม่สำเร็จ ถามกลับ 'เศรษฐา' ส่ง 'รองโฆษกรัฐบาล' มาโต้ปมยุบพรรค เป็นการชี้นำศาล รธน.หรือไม่
เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีนายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุหากศาลรัฐธรรมนูญ ไม่กล้ายุบพรรคการเมือง หากพรรคการเมืองทำผิดกฎหมาย ทั้งที่กฎหมายให้อำนาจไว้ เพราะกลัวความกดดัน กลัวกระแสสังคมที่เขาสร้างขึ้น หรือกลัวสายตาต่างประเทศ ที่มองมาที่เรา ต่อไปอาจเกิดปรากฏการณ์ ให้พรรคการเมืองหาเสียงแบบไม่รับผิดชอบต่อบ้านเมือง ว่า ในข่าวมีการลงตำแหน่งรองโฆษกรัฐบาลชัดเจน ต้องถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า นั่นเป็นการพูดในนามโฆษกรัฐบาล หรือในนามส่วนตัวของนายคารม สมควรหรือไม่ที่รัฐบาลจะมอบหมาย ให้รองโฆษกออกมาชี้แจงในลักษณะชี้นำศาลรัฐธรรมนูญอย่างนี้ โดยจะเห็นว่า การแถลงพรรค ก.ก.แต่ละครั้ง เราเน้นเนื้อหาสาระ ชี้แจงในข้อเท็จจริงและ ข้อกฎหมาย ไม่ได้มีเป้าหมาย เพื่อการ ชี้นำศาล หรือขู่เลย
นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ตัวอย่างคำพูด การชี้นำศาล อาทิ การไปบอกว่าศาลควรจะต้องตัดสิน หรือมีคำวินิจฉัยอย่างนั้นอย่างนี้ หรือไม่ก็ มีพฤติกรรมข่มขู่ศาลว่า ถ้าศาลมีคำวินิจฉัยในลักษณะนั้นลักษณะนี้จะเจออย่างนั้น จะเจออย่างนี้ พรรค ก.ก.เตือนตัวเองตลอดว่าอย่าทำ คงไม่เรียกร้องจากนายคารม เพราะกระทำการไปแล้วในฐานะรองโฆษกรัฐบาล แต่เรียกร้องหัวหน้ารัฐบาลชี้แจง เพราะมีการระบุชัดว่า ถ้าศาลไม่มีคำวินิจฉัยยุบพรรค จะมีเงื่อนไขใดบ้างตามมา ในฐานะนายกฯ จะรับผิดชอบอย่างไร ถ้านายเศรษฐาไม่ตอบ หมายความว่ามี เจตนามอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ในตำแหน่งรองโฆษกออกมาชี้นำศาลรัฐธรรมนูญ ในนามของรัฐบาลซึ่ง อันตรายมาก ๆ นายกฯ ให้รองโฆษกมาแถลงในนามของรัฐบาลอย่างนี้ได้หรือ เท่ากับว่ารัฐบาลเห็นด้วยกับการแถลงเช่นนี้ ที่อาจเข้าข่ายว่าเป็นการชี้นำศาล และดูหมิ่นศาลได้หรือ หัวหน้ารัฐบาล จะรับผิดชอบอย่างไร ถ้านายเศรษฐาไม่มี คำตอบเรื่องนี้ก็เท่ากับว่าเห็นดีเห็นงามกับเรื่องนี้ใช่หรือไม่ ถ้านายเศรษฐา ไม่มีมาตรการใดๆ ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมก็เท่ากับว่าเห็นดีเห็นงามกับพฤติกรรมอย่างนี้ใช่หรือไม่
นายวิโรจน์ กล่าวถึงประเด็นข่าวลือเรื่องพรรครัฐบาลจ้องดูด สส.งูเห่าพรรค ก.ก. ว่า มีข่าวกระเซ็นกระสาย มาเป็นระยะ ๆ แต่เชื่อ ไม่น่ามี สส.คนไหนย้ายไป เพราะว่าเลือกตั้งปี 2566 สภาพการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว ที่นักการเมืองยุคก่อนบอกว่า อย่างไรก็ต้องเอาเงินไปซื้อต้องเอาเงินไปแจก ไม่งั้นประชาชนไม่เลือก มันไม่เป็นความจริงแล้ว เพราะในยุคปัจจุบันไม่มีเงินมาแจก แต่ เอางานไปแลก ประชาชนเห็นคุณค่า ประชาชนเปลี่ยนจากการเป็นแค่ผู้เลือก กลายเป็นผู้สนับสนุน เรียกว่าหัวคะแนนธรรมชาติชาวบ้าน ต้องขอบคุณความตื่นตัวของประชาชนด้วย ที่ทำให้โอกาสในการเปลี่ยนแปลงประเทศนั้นเกิดขึ้นดังนั้น ตนเลยไม่เชื่อการซื้อขายงูเห่าจะสำเร็จ หรือถ้ามี ก็น้อยมาก ๆ อย่างไม่มีนัยยะสำคัญทางการเมือง เชื่อว่าคนที่เป็นงูเห่าจะถูกลงโทษจากประชาชนไม่แตกต่างจากงูเห่ารอบที่แล้ว
"เพราะมีพวกหมาหยอกไก่ โยนหินถามทาง ขายขนมจีบ แต่พวกเราไม่ไป บางคนไปโดนทาบทามตามงานลงพื้นที่ กมธ. ต่าง ๆ จนเอามาเล่าเป็นเรื่องโจ๊กกัน มาเป็นเรื่องแซวขำ ๆ เล่าสู่กันฟังในพรรค สส.เรารู้ทัน ตัวอย่างเช่น มีมาชวนไปกินข้าว บอกว่ามีของขวัญ มีขนมมาฝากด้วย สส.เราก็รู้ทัน ถ้าไปคุยก็โดนถ่ายรูปแบล็คเมล์คู่กับถุงขนมสิ คิดว่าโง่รึไง ก็มาเล่ากันแบบสนุกปากมากกว่า ในพรรคไม่มีใครหลงกลหรอก ก็เหมือนเขามาขายขนมจีบพอเจอเบือนหน้าหนีบ่อย ๆ อีกฝ่ายเขาก็คงท้อแล้วมั้ง" นายวิโรจน์ กล่าว