‘ล้างกระดาน’ กู้กระแสรัฐบาล ปรับ ครม.ล็อตใหญ่สางปมพรรคร่วม - แก้วิกฤติ พท.

‘ล้างกระดาน’ กู้กระแสรัฐบาล ปรับ ครม.ล็อตใหญ่สางปมพรรคร่วม - แก้วิกฤติ พท.

‘ล้างกระดาน’ กู้กระแสรัฐบาล จับตาปรับ ครม.ล็อตใหญ่ สางปมพรรคร่วม - แก้วิกฤติ พท. เล็งจังหวะหลังยุบก้าวไกล คดีนายกฯ - งบ 68 ฉลุย

KEY

POINTS

  • ไทม์มิ่งปรับ ครม.ล็อตใหญ่ ขยับออกไปหลังเสร็จสิ้นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ในช่วงกลางเดือนก.ย. - ต.ค.
  • "ทักษิณ ชินวัตร" ต้องการล้างไพ่ "พรรคร่วมรัฐบาล" เสียใหม่ จึงมีกระแสข่าวเอา  สส.พลังประชารัฐ สายตรง "ประวิตร วงษ์สุวรรณ" ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล
  • ขณะเดียวกันต้องการฟื้นวิกฤติศรัทธาของ "พรรคเพื่อไทย" ที่เรตติ้งดิ่งต่ำลงมาก หลังพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล ความหวังกอบกู้เรตติ้งอยู่ที่การทำงานของ "รัฐบาล" แต่เกือบขวบปียังไม่มีผลงานที่เป็นรูปธรรม

สถานการณ์การเมืองกลับมาระอุคุกรุ่นอีกระลอก เมื่อบรรดา “คีย์แมน” เริ่มปฏิบัติการเปิดดีล เพื่อรักษาเก้าอี้อำนาจเอาไว้ 

เช่นเดียวกับ “คีย์เพลเยอร์” บางคน ที่มีลุ้นกลับเข้าสู่วังวนเกมอำนาจ ต่างเดินสายปรากฏตัวทุกวงลับ เพื่อให้อยู่ในเรดาห์ของ “คนคุมเกม”

สัญญาณจาก “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำจิตวิญญาณเพื่อไทย เอ่ยปากเกือบทุกวงสนทนา แสดงเจตจำนงชัดเจนว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องออกจากสมการ “พรรคร่วมรัฐบาล” เนื่องจากความฝันบนเก้าอี้นายกฯ ของ “บิ๊กป้อม” ถูกมองว่ามีส่วนทำให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพ

โจทย์สำคัญจาก “ทักษิณ” ตกเป็นภารกิจในมือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องปฏิบัติการดึง สส.สายตรง “นายป้อม” เข้ามาอยู่กับตัวเอง เพื่อให้ “พลังประชารัฐ” ยังอยู่ในสถานะพรรคร่วมรัฐบาล และไม่เสียโควตารัฐมนตรี

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขล่าสุด 40 สส.พลังประชารัฐ สายตรง “บิ๊กป้อม” และสายตรง “ธรรมนัส” ยังคงนิ่งอยู่ที่ 20-20 แบ่งกันคนละครึ่งแม้บางกระแสจะปล่อยตัวเลขออกมาว่า “ธรรมนัส” รุกกินไปที่ 27 ต่อ 13 แล้วก็ตาม

เมื่อ “ธรรมนัส” สุ่มเสี่ยงที่จะคว้าน้ำเหลว “ทักษิณ” จึงเปิดดีลกับ “ประชาธิปัตย์” ผ่านทาง “นายก ชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หวังดึง 21 สส.มาร่วม “ขั้วรัฐบาล”

พปชร.ปัญหาเก่า-ปชป.ปัญหาใหม่

ทว่า ปัญหาใน “ประชาธิปัตย์”ใช่ว่าจะปิดดีลนี้ได้ง่ายดาย เพราะลำพังโควตารัฐมนตรีที่ ค่ายสีฟ้าเสนอไป 3 ตำแหน่ง คือ 1. รัฐมนตรีว่าการ 2.รัฐมนตรีช่วย กลับถูกเพื่อไทยตีตกเหลือ 1 รัฐมนตรีว่าการ 1 รัฐมนตรีช่วย ซึ่งไม่พอกับ “บิ๊กทรี ปชป.” ประกอบด้วย “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค “เดชอิศม์” เลขาธิการพรรค และ “สส.แทน” ชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช

แม้สัญญาแต่เก่าก่อน “เฉลิมชัย” จะไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่สัญญาใจกลับถูกฉีกทิ้ง เมื่อดีลดำเนินไป “เฉลิมชัย” จึงเปลี่ยนใจขอนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี โดยมี สส. ในคาถากว่า 10 คนคอยให้การสนับสนุน ซึ่งศึก “บิ๊กทรี ปชป.” คงไม่หนักหน่วง เพราะต่างฝ่าย ต่างนับถือกันเป็นพี่น้อง มีโอกาสสูงที่จะเคลียร์ใจกันได้ไม่ยาก

ต่างกับศึกใน “ประชาธิปัตย์” อีกขั้ว อาจจะเกิดขึ้นทันที เพราะมีกลุ่มไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “3 อดีตหัวหน้าพรรค” อยู่ในสัดส่วนของ สส.บัญชีรายชื่อ ชวน หลีกภัย บัญญัติ บรรทัดฐาน จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และอีกราย สรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ลูกชาย นิพนธ์ บุญญามณี

ต้องยอมรับว่า สไตล์ของ “ทักษิณ” จะไม่แฮปปี้ทันที หากมี “ฝ่ายค้าน” ในขั้ว “พรรคร่วมรัฐบาล” ด้วยกันเอง แถมเป็นยี่ห้อ “ชวน-บัญญัติ-จุรินทร์” หากได้ค้านแล้ว ไม่มีถอย

ดังนั้นยุทธการเขี่ย “บิ๊กป้อม” ออก แล้วดึง “ประชาธิปัตย์” เสียบแทน อาจเป็นการแก้ปัญหาเก่า สร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้น อาจทำให้  “รัฐบาลเศรษฐา” มีปัญหาเสถียรภาพเกิดขึ้น

รวมไทยสร้างชาติล็อกโควตา รมช.

ทางด้าน “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ในเกมนี้ ก็ได้จังหวะโชว์ความเก๋าทางการเมือง เมื่อ “เดอะตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งหนังสือตรงไปถึงนายกฯ เศรษฐา แสดงเจตจำนง ในโควตารัฐมนตรีของพรรค หลังจาก “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ลาออกจาก รมช.คลัง

ว่ากันว่า “พีระพันธุ์” ใส่ชื่อ “เลขาฯ ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นแคนดิเดตรัฐมนตรี อย่างชัดเจน พร้อมทั้งตรวจสอบคุณสมบัติเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคดีที่จะเป็นปัญหา หลังจาก “ศาลอุทธรณ์” มีคำสั่งยกฟ้องคดีชุมนุม กปปส.

ต้องถือว่า “พีระพันธุ์” ปฏิบัติการมัดมือ “เศรษฐา” แถมส่งสัญญาณไปยัง “ทักษิณ” ทันทีว่า โควตาเดิมต้องยึดไว้ ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่

นายใหญ่เร่งกู้เรตติ้ง ‘เพื่อไทย’

นอกจากเป้าหมายของนายใหญ่เพื่อไทย จะแก้ปัญหา “พรรคร่วมรัฐบาล” แล้ว อีกโจทย์ที่มีการประเมินอยู่ตลอดเวลาคือ “เรตติ้ง” ของพรรคเพื่อไทย เพราะตั้งแต่ช่วงการเลือกตั้งปี 2566 ความนิยมของ“เพื่อไทย” โดน “ก้าวไกล” แซงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนพ่ายศึกเลือกตั้ง

อีกทั้งการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล โดดเดี่ยว “ก้าวไกล” ให้เป็น “ฝ่ายค้าน” ยิ่งกดเรตติ้ง “ค่ายแดง” ในกระแสการเมืองระดับชาติ ให้ตกต่ำลงไปอีก 

แม้เพื่อไทยจะคาดหวังจากผลงานการเป็นรัฐบาล จะช่วยกอบกู้ความนิยมกลับมาได้ แต่เกือบปีของ “รัฐบาลเศรษฐา” กลับมีเครื่องหมายคำถามว่า “ผลงานเด่น” คืออะไร

ฉะนั้นการปรับ ครม.ครั้งนี้ จึงมีสัญญาณว่า นายใหญ่เพื่อไทยเตรียม "ล้างไพ่" ใหม่ทั้ง ครม. โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่อยู่ในข่ายต่างตอบแทน หมดเวลา และต้องลุกออกจากเก้าอี้ เพื่อส่งต่อให้ “คนเด่น-ชื่อดัง-ภาพลักษณ์ดี” เข้ามาช่วยงานรัฐบาล

จ่อปรับหลังคดีเศรษฐา-ผ่านงบ 68

อย่างไรก็ตาม จังหวะเวลาในการปรับ ครม. สัญญาณจากนายกฯ เศรษฐา ว่า ต้องรอให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” มีคำวินิจฉัยปมคุณสมบัติรัฐมนตรีของเขาในวันที่ 14 ส.ค.67ให้ชัดเจนเสียก่อน หากผ่านด่านนี้ไปได้ เศรษฐาจะไม่มีบ่วงให้ต้องกังวล

ในทางตรงกันข้าม หากสถานการณ์พลิกผัน “เศรษฐา”โดนสอย เกมการเมืองย่อมจะพลิกไปอีกด้าน จากที่จะเพียงแค่ปรับ ครม. อาจจะต้องเดินไปสู่การเลือก “นายกฯ คนใหม่” ซึ่งหากเป็นไปในทิศทางนั้น จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ อาจถึงขั้นต้องจับ “ขั้วรัฐบาล” กันใหม่ 

ขณะเดียวกันอีกกระแส ระบุว่านายใหญ่เพื่อไทย ต้องการให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 เสียก่อน ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาวาระ 2-3 ระหว่างวันที่ 28-29 ส.ค.67 ก่อนส่งไปยังวุฒิสภาพิจารณาต่อในวันที่ 9-10 ก.ย.67 โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ก่อนสิ้นเดือนก.ย.นี้

ดังนั้น เวลาที่เหมาะสมในการปรับ ครม. อาจจะอยู่ในช่วงเดือนต.ค. เพราะหากผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 ไปแล้ว เงื่อนไขในการต่อรองอาจจะน้อยลง

เหล่านี้คือ ความเคลื่อนไหวที่กำลังดำเนินไปสู่การปรับ ครม.เศรษฐา 1/3 ซึ่งเกมยังอยู่ในช่วงเริ่มเปิดดีล ยังมีตัวแปรอีกหลายปม ที่จะทำให้ดีลล่ม-ดีลสะดุด เพราะการเมืองเปลี่ยนแปลงทุกวัน