‘ณัฐพงษ์’ เปิด 3 ภารกิจนั่งหัวหน้า ปชช.-นัด 20 ก.ย.ปรับโครงสร้างพรรคอีกรอบ

‘ณัฐพงษ์’ เปิด 3 ภารกิจนั่งหัวหน้า ปชช.-นัด 20 ก.ย.ปรับโครงสร้างพรรคอีกรอบ

‘เท้ง ณัฐพงษ์’ เปิดใจนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาชน โชว์ 3 ภารกิจ ลงพื้นที่หาเสียงเลือกนายก อบจ.ราชบุรี-เลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก ปูทางกำชัยศึกเลือกตั้ง 2570 อธิบายชัดไม่ลดเพดานแก้ ม.112 ชี้กฎหมายยังมีปัญหา ต้องทำรอบคอบ นัด 20 ก.ย.ปรับโครงสร้างพรรคอีกรอบ

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2567 นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “Morning Nation” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ “เนชั่นทีวี 22” ตอบคำถามถึงการเป็นหัวหน้าพรรคในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีความมั่นใจฮึกเหิมมากขนาดไหนว่า 2 ภารกิจแรกที่ได้ทำหน้าที่คือการลงพื้นที่หาเสียงนายก อบจ.ราชบุรี และการลงพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อหาอาสาสมัครร่วมเดินทางไปด้วยกันกับเราต่อ ทำให้เรามีพลังมากขึ้น จากเดิมรู้สึกกดดันในเชิงบวกว่าเราต้องพัฒนาตัวเองขึ้น แต่ตอนนี้พอได้รับกำลังใจเราเชื่อมั่นขึ้นเยอะว่าเราไม่ได้เดินคนเดียว มีผู้สนับสนุนอยู่ข้างหลังเยอะ

เมื่อถามถึงตอนถูกเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรค รู้สึกอย่างไร เพราะมีความคาดหวังสูงขึ้นเรื่อย ๆ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ระหว่างบรรยากาศในที่ประชุม เรียนตามตรงว่า เหมือนโหวตในสภาฯ จริง ๆ มีการหารือนอกรอบคล้าย ๆ กลไกของวิป ถามว่า ณ วันในห้องประชุมรู้ตัวจริง ๆ จัง ๆ หรือไม่ ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้น แต่ยังคิดว่าไม่ได้รู้สึกกดดันมากกว่าเริ่มมีข่าวยุบพรรคขึ้นมา จังหวะรอยต่อตรงนั้นเริ่มกดดันว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นเราหรือไม่ หรือใคร แต่พอมีการประชุมใหญ่ เริ่มมั่นใจระดับหนึ่ง

เมื่อถามว่า อะไรเป็นสิ่งที่ทำได้ดี จุดเด่น มีเรื่องไหนอยากพัฒนาต่อบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จุดเด่นคือจุดประสงค์ในการทำงานการเมืองเพราะอะไร จังหวะรอยต่อทางการเมือง บริบททางการเมืองไทยที่สำคัญคือเราต้องการเปลี่ยนระบบการเมืองให้ปกติ แบบระบอบประชาธิปไตยในสากลโลกเขาเป็นกัน อะไรที่เป็นกลไกไม่ยึดโยงประชาชนมาทำลายพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกของประชาชน ชนะการเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 1 ได้ นี่คือโจทย์ใหญ่ การขึ้นมาถือธงแกนนำพรรค ถ้าคิดว่าคุณสมบัตินี้ตนมีเกินร้อย เพราะเดินทางตั้งแต่อนาคตใหม่มา และตัดสินใจลงสมัคร สส.เขต พอเราได้ลงหาเสียง ชนะการเลือกตั้งมาได้ ทำให้เรามาสู่จุดนี้ได้

เมื่อถามว่าอดีตหัวหน้าพรรคอย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล แนะนำอะไรบ้าง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทุกท่านให้กำลังใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายธนาธร บอกว่า ให้ตนพัฒนาตัวเองขึ้น รับทราบเลย พอคาดเดาได้ แอบคิดในใจล่วงหน้าว่าเขาต้องพูดอย่างนี้แน่นอน เพราะเขาทำงานหนักมาก ส่วนนายพิธาบอกว่า การเป็นหัวหน้าพรรคถ้ารู้สึกกดดัน เขาจะเขียนอะไรระบายออกไปแล้วลืม เป็นเคล็ดลับ

‘ณัฐพงษ์’ เปิด 3 ภารกิจนั่งหัวหน้า ปชช.-นัด 20 ก.ย.ปรับโครงสร้างพรรคอีกรอบ

เมื่อถามว่า ตกเป็น 1 ใน 44 สส.ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนกรณีการเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ตอนนี้รับมือกับแรงกระแทกอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว กระบวนการภายในประชุมหลายรอบแล้ว มีการตั้งทีมกฎหมายขึ้นมา ดูว่าเวลาเราชี้แจง ป.ป.ช. ว่า ยืนบนพื้นฐานข้อเท็จจริง เราต้องแสดงเจตนาในการแก้ไขเรื่องนี้ที่ถูกยื่นร้องไปว่า เรามีเจตนาอย่างไร ไม่ได้เจตนาอย่างที่ถูกกล่าวหา นี่คือสาระสำคัญที่ตนเชื่อว่า คดีนี้ไม่น่าห่วง ไม่ใช่เหมาเข่ง ต้องดูองค์ประกอบพฤติกรรมแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร แถมอยู่ในระบบศาลยุติธรรม ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ศาลการเมือง

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจในข้อต่อสู้คดีนี้หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ค่อนข้างมั่นใจ ถ้าอิงตามแนวคำวินิจฉัยก่อน ๆ มีองค์ประกอบวินิจฉัยหลายอย่าง เช่น การประกันตัวม็อบ การออกไปชุมนุม การติดสติ๊กเกอร์ต่าง ๆ ตนไม่ได้มีครบทุกองค์ประกอบ ถ้าพูดถึงรูปคดี เคยยื่นร่างแก้ไขกฎหมายกับเพื่อน ๆ เท่านั้น

ส่วนกรณีประเด็นกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วานนี้สรุปแล้วพรรคประชาชนดำเนินการทุกอย่างตามกฎระเบียบใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีสาขาครบทุกภาค แต่เว็บไซต์ กกต.อาจยังไม่ได้อัปเดต ข่าวนี้สรุปได้แล้ว เพราะเลขาธิการ กกต.ก็ออกมายืนยัน

เมื่อถามถึงพรรคประชาชนจะผลักดันนโยบายอะไรให้เป็นรูปธรรมที่สุดในตอนนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าโชคดีที่เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง บริบทตัวเองที่เชื่อมั่นนโยบายเรื่องนี้ คือการกระจายอำนาจ ที่ผ่านมาอาจเข้าถึงประชาชนยากนิดหนึ่ง การปรับโครงสร้างอำนาจรัฐ งบประมาณรวมศูนย์ ประชาชนอาจไม่เข้าใจ แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตประชาชนทุกคนโดยตรง จึงเป็นจังหวะพอเหมาะพอดีกับหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง เพราะจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงเป็นเวทีในฐานะหัวหน้าพรรค ไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งกับผู้สมัครนายก อบจ.ของพรรคทุกคน จะเป็นเวทีได้สื่อสารนโยบายที่ตนเชื่อมากยิ่งขึ้นด้วย

“ให้อำนาจ งาน เงิน คน อยู่ใกล้กับประชาชนมากที่สุด เงินภาษีที่จ่ายไปให้คนในจังหวัดได้ตัดสินใจ ให้ผู้บริหารสูงสุดในจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่จากการแต่งตั้งจาก กทม.” นายณัฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า แม้จะปรับมาเป็นพรรคประชาชนแล้ว ทำไมตัดสินใจไม่ลดเพดานในการแก้ไขมาตรา 112 หรือให้พักไว้ก่อนหรือไม่ เพราะแผลยังสดอยู่เลย จะเดินตามเส้นทางเดิมหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้รับฟังจากประชาชนที่สนับสนุนอดีตพรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคประชาชน ตลอด 2 วันที่ลงพื้นที่ ขออนุญาตชี้แจงคำพูดให้ชัดเจนมากขึ้น คำว่าไม่ลดเพดาน ต้องยอมรับก่อนว่ากฎหมายฉบับนี้มีปัญหา เราต้องคิดอย่างรอบคอบว่า ควรแก้ปัญหาตรงนั้นอย่างไร แก้ไขต่ออย่างไร แน่นอนที่สุดต้องดูแนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดที่ออกมาด้วย ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำอะไรมุทะลุ หรือทำแบบเดิม หลายคนบอกว่าทำแบบเดิม เดี๋ยวก็ได้ผลลัพธ์แบบเดิม อยากสื่อสารให้ชัดเจน อีกมุมหนึ่งคิดว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องสื่อสารให้พอดี ถ้าไม่พูดเลย ก็ทำลายศรัทธาของผู้สนับสนุนพรรคอีกส่วนหนึ่งด้วย

เมื่อถามถึงภารกิจแรกในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ภารกิจสำคัญที่ต้องสำเร็จคืออะไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าอย่างแรกเวทีใกล้ที่สุดคือ เวทีหาเสียงเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี ภารกิจต่อไปคือการเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก เขต 1 และภารกิจต่อจากนี้ที่ต้องคู่ขนานกันคือการปรับโครงสร้างการบริหารในพรรค และเตรียมตัวเตรียมพร้อมมุ่งสู่การเลือกตั้งปี 2570 นี่คืองานระยะยาว

ส่วนการปรับโครงสร้างบริหารในพรรคต่างจากเดิมอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องบอกก่อนว่าแผนงานของเรา ตั้งใจว่า ราว 20 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมเพื่อปรับโครงสร้างการทำงานของพรรค โดยเวลาราว 1 เดือนหลังจากนี้จะหารือในพรรคว่า กรรมการบริหารพรรคขั้นต่ำ 5 คน จะมีการปรับหรือไม่ มี สส.ท่านใด ทีมงานท่านใดอยากเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เรื่องนี้ต้องถกเถียงแลกเปลี่ยน เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมามีความเสี่ยงถูกประหารชีวิตทางการเมือง จึงมีข้อดีข้อเสีย แต่ถ้าไม่เป็นโครงสร้างบริหารพรรค จะมีโครงสร้างอะไรอีกหรือไม่ เช่น ทีมงานจังหวัด ทีมงาน สส. 

“สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดที่ต่างกันระหว่างพรรคในอดีต กับพรรคประชาชนคือ การแบ่งบทบาทหน้าที่ระหว่างหัวหน้าพรรค ที่ทำงานหน้าบ้าน กับนายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคที่ทำงานหลังบ้าน เป็นเสาหลักกับอนาคตใหม่ ก้าวไกล มาโดยตลอด นี่คือข้อแตกต่างกัน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ส่วนเรื่องยอดการรับบริจาคพรรคล่าสุดนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้ได้มาราว 22-23 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่แสดงกราฟฟิกให้ทราบว่าพรรคใช้จ่ายอะไรบ้างต่อเดือน เพื่อให้เข้าใจง่ายว่า คนบริจาคเงินให้พรรคการเมืองนี้ เงินจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า นอกจากนี้ยังอยากเชิญชวนให้สมัครสมาชิกพรรคมากขึ้นด้วย ตอนแรกตั้งเป้า 1 แสนคน เพราะตรงกับยอดสมาชิกยุคอดีตพรรคก้าวไกล วันนี้เราทำแคมเปญนี้เพื่อไปต่ออย่างมั่นคง รวดเร็ว เดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่สะดุด

เมื่อถามว่า หากค่าใช้จ่ายพรรคตั้งไว้ 9 ล้านบาทต่อเดือน ถ้าบางเดือนเงินไม่พอ ยอดบริจาคไม่พอ ต้องทำอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาอยู่ในการบริหารจัดการได้โดยตลอด อาจเห็นว่า 23 ล้านบาท เห็นหลอดขึ้นประมาณ 4 เดือน ต้องเรียนข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาเอง สส.พรรคจะบริจาคให้พรรคทุกเดือน ไม่ใช่แค่เงินบริจาคของประชาชน แต่ สส.เมื่อรับตำแหน่ง ได้รับเงินภาษีประชาชน ก็จะบริจาคเป็นค่าใช้จ่ายให้กับพรรค

เมื่อถามว่า หลายคนอยากเห็นการลงพื้นที่พร้อมกับนายพิธา นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้กำลังหารือกับทีมงาน ปรับตารางอยู่ ยอมรับว่าตารางชีวิตเปลี่ยน ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเยอะ ตารางตนค่อนข้างออกสื่อเยอะพอสมควร ส่วนตัวให้โจทย์กับทีมงานไปว่า อยากจะให้ความสำคัญกับการลงพื้นที่เป็นหลัก คิดว่าอะไรที่ลงพื้นที่ได้ สัมภาษณ์ออนไลน์ได้ ยินดีรับ ไปลงพื้นที่ด้วย ออกสื่อด้วย แต่ถ้าออกสื่อมาสตูดิโอที่ กทม. อาจปรับนิดหนึ่ง อยากให้น้ำหนักกับการหาเสียงเลือกตั้งมากกว่า

ถามอีกว่าจะมีภาพ “3 ท.” คือ “ธนาธร-ทิม-เท้ง” ลงพื้นที่หาเสียงร่วมกันหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นไปได้ โดยกฎหมายถึงแม้ทั้งนายธนาธร และนายพิธา ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงสามารถทำได้ เป็นแคมเปญที่น่าสนใจ เดี๋ยวรับไปหารือ

ส่วนอยากฝากอะไรถึงประชาชน ทั้งคนที่เชียร์พรรคประชาชน และคนที่ไม่เชียร์ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ท่านที่เคยเป็นผู้สนับสนุนตั้งแต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล จนถึงประชาชนในปัจจุบัน อยากให้เชื่อมั่น อย่าสั่นคลอน อยากให้เดินไปด้วยกัน ส่วนประชาชนท่านใดอาจไม่เข้าใจถึงเจตจำนงความตั้งใจของพวกเรา อาจได้รับข่าวสารบางอย่าง แล้วกังวลใจไปบ้าง อยากให้เปิดใจรับฟัง ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค พยายามลงไปทำความเข้าใจเข้าถึงทุกท่านให้ดีที่สุด อยากให้เชื่อว่าพวกเราเข้ามาเพื่อตั้งใจทำการเมืองให้ดีขึ้น พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น