มาตามนัด! ไทยภักดียื่น กกต.สอบ 'ปชช.' ตั้งสาขาพรรค-เปิดบัญชีรับบริจาค
'หมอวรงค์' ส่งเลขาธิการพรรคไทยภักดี ยื่น กกต.สอบการตั้งสาขา 'พรรคประชาชน' สมัยเป็น 'ถิ่นกาขาวฯ' พ่วงปมเปิดบัญชีรับบริจาค เข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ปัดไม่ได้เดินเรื่องยุบพรรค แค่ทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างพลเมืองดี
เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายทศพล พรหมเกตุ เลขาธิการพรรคไทยภักดี พร้อมผู้อำนวยการพรรค และโฆษกพรรคไทยเข้ายื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้ตรวจสอบเรื่องจำนวนสาขาของพรรคประชาชน เมื่อครั้งเป็นพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล และการเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคของพรรคประชาชน
โดยนายทศพล กล่าวว่า จุดประสงค์ที่พวกตนมาในวันนี้คือการมาทำหน้าที่พลเมืองที่ดี เพื่อตรวจสอบถ่วงดุลพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยซึ่งต้องมีความสุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ยืนยันวันนี้เราไม่ได้มายื่น กกต. เพื่อยุบพรรคประชาชนแต่อย่างใด แต่วันนี้เรามาเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 2 ประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลและพรรคประชาชน
ประเด็นที่ 1 จากที่พรรคไทยภักดีได้ตรวจสอบฐานข้อมูลของ กกต. จึงพบว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไลมีสาขาพรรคเพียง 3 สาขา (ได้แก่ ภาคเหนือ 2 สาขา และ ภาคกลาง 1 สาขา) ซึ่งอาจไม่ครบตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดภายในเวลา 1 ปี ซึ่งอาจทำให้พรรคการเมืองสิ้นสภาพตามมาตรา 91 (3)
วันนี้พวกตนจึงมาขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองของ กกต. ตรวจสอบฐานข้อมูลย้อนหลังกลับไปว่าพรรคถิ่นกาขาวฯ ที่กำลังจะกลายพรรคประชาชน มีสาขาในแต่ละปีจำนวนเท่าใดในแต่ละภาค ย้อนไปตั้งแต่ปี 2560 ที่พระราชบัญญัติพรรคการเมืองมีผลบังคับใช้ เพื่อตรวจสอบว่าเข้าข่ายที่จะเป็นการสิ้นสภาพตามมาตรา 91 (3) หรือไม่
นายทศพล กล่าวอีกว่า การที่มีข้อมูลบอกว่าปัจจุบันนี้อัปเดตแล้ว มีสาขาพรรคการเมืองครบทั้ง 4 ภาค อันนี้ไม่ใช่ประเด็น ส่วนประเด็นของพวกตนคือให้ กกต.ตรวจสอบย้อนหลังไปเป็นรายปี
ประเด็นที่ 2 จากที่พรรคไทยภักดีได้ตรวจสอบข้อมูลว่า เมื่อวันที่ 9 ส.ค. ที่ผ่านมา พรรคถิ่นกาขาวชาววิไลได้มีการจัดประชุมใหญ่ของพรรค โดยที่ประชุมใหญ่มีมติให้เปลี่ยนชื่อพรรคเป็นพรรคประชาชน เปลี่ยนตราสัญลักษณ์พรรค และเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และในวันเดียวกันนั้น ได้มีการเชิญชวนให้ประชาชนร่วมบริจาคให้กับพรรคผ่านบัญชีธนาคาร
นายทศพล กล่าวด้วยว่า พวกตนมีข้อสงสัยในเรื่องการรับบริจาคของพรรคการเมือง ว่าต้องเป็นไปตามข้อ 42 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งให้อำนาจกับหัวหน้าพรรคและเหรัญญิกพรรคเป็นผู้เปิดบัญชีธนาคาร โดยจะต้องมีหนังสือรับรองรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคจาก กกต. ซึ่งต้องมีหนังสือรับรองนี้ไปยื่นต่อธนาคารพาณิชย์เปิดบัญชีธนาคาร โดยชื่อบัญชีจะเป็นชื่อของพรรคนั้นๆ และมีวงเล็บด้วยว่า เพื่อการบริจาค จึงจะเป็นการทำตามระเบียบของ กกต. ว่าด้วยพรรคการเมืองข้อที่ 42
เลขาธิการพรรคไทยภักดี กล่าวว่า การรับรองของ กกต. มันมีระยะเวลาในการดำเนินการ ไม่ใช่ว่าประชุมวันนี้แล้วมีหนังสือรับรองได้เลย พวกตนจึงต้องการทราบว่า กกต. ได้มีหนังสือรับรองพรรคประชาชนแล้วหรือยัง เพื่อนำเอกสารนี้ไปประกอบหลักฐานการเปิดบัญชีกับธนาคารพาณิชย์ ว่าเป็นไปตามระเบียบเรื่องการเปิดรับบริจาคของ กกต.หรือไม่
เมื่อถามว่า มีการตรวจสอบหรือไม่ ว่าเงินที่บริจาคนั้นเข้าสู่บัญชีชื่อใคร นายทศพล กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชี ไม่มีการแสดงรายละเอียด เป็นเหมือนแอปพลิเคชั่นที่ตัดบัญชีผ่านบัตรเครดิต หรือเดบิต แต่ไม่ปรากฏข้อมูลว่าเป็นบัญชีชื่อใคร เลขบัญชี คล้ายกับการซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิต ไม่สามารถตรวจสอบได้ กกต.จะต้องไปตรวจสอบว่าการรับบริจาคเป็นไปตามระเบียบของ กกต.หรือไม่