ตัดสิทธิ์ ไม่ใช่ติดคุก เนลสัน แมนเดลา ติดคุกอยู่ 27 ปี | นพ.ประเวศ วะสี

ตัดสิทธิ์ ไม่ใช่ติดคุก เนลสัน แมนเดลา ติดคุกอยู่ 27 ปี | นพ.ประเวศ วะสี

ประเทศแอฟริกาใต้ตกอยู่ในการปกครองของคนขาว และมีการเหยียดผิวรุนแรง (Apartheid) คนพื้นเมืองจะต่อสู้เท่าไรก็ไม่สำเร็จ ถูกฆ่าตายบ้าง ถูกจำคุกบ้าง เนลสัน แมนเดลา ผู้นำการต่อสู้คนหนึ่ง ต่อสู้ด้วยความรุนแรงเท่าไรๆ ก็ไม่สำเร็จ และถูกจำคุกไว้ที่เกาะแห่งหนึ่งนานถึง 27 ปี

KEY

POINTS

  • นพ.ประเวศ วะสี วิเคราะห์ปัญหาใหญ่ของประเทศคือ การที่คนไทยไม่รู้ความจริงของแผ่นดินไทย
  • วิธีแก้วิกฤติของประเทศไทยคือ คนไทยทุกคนไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ควรลงไปใช้ชีวิต ไปทำงานร่วมกับชุมชน แล้วจะเกิดการเข้าใจความจริงของแผ่นดินไทย
  • การต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่มีแต่วิธีแบบฝรั่งอย่างเดียว การต่อสู้ของมหาตมะ คานธี กับเนลสัน แมนเดลา เป็นตัวอย่างการต่อสู้ทางการเมืองอีกแบบหนึ่ง
  • Key Point สรุปจากกองบรรณาธิการ

เนลสัน แมนเดลา (Nelson Mandela) ได้เปลี่ยนทิศทางต่อสู้มาเป็นการต่อสู้ด้วยอหิงสธรรมแบบมหาตมะ คานธี จนคนขาวใจอ่อน ยอมปล่อยเนลสันและประเทศแอฟริกาใต้ให้เป็นอิสระ และเนลสัน แมนเดลากลายเป็นรัฐบุรุษของโลก

การต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่มีแต่วิธีแบบฝรั่งอย่างเดียว การต่อสู้ของมหาตมะ คานธี กับเนลสัน แมนเดลา เป็นตัวอย่างการต่อสู้ทางการเมืองอีกแบบหนึ่ง ที่ทำให้ฝ่ายศัตรูซึ่งมีกำลังเหนือกว่ามาก ใจอ่อน ยอมถอนอำนาจออกไป อินเดียและแอฟริกาใต้จึงได้อิสรภาพ

ที่จริงวิถีคิดแบบฝรั่งหรือชาวยุโรปได้นำโลกไปสู่ความปั่นป่วนวุ่นวาย รุนแรง เสียสมดุล เพราะเป็นการคิดแบบแยกส่วน แยกข้าง แยกขั้ว อารยธรรมปัจจุบันกำลังวิกฤตอย่างหนัก จนกระทั่งไอน์สไตน์ยังกล่าวว่า “เราต้องการวิถีคิดใหม่โดยสิ้นเชิง ถ้ามนุษยชาติจะอยู่รอดได้”

ประเทศไทยตกอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตการณ์เรื้อรังมาเป็นเวลากว่าร้อยปี หาทางลงตัวไม่ได้ น่าจะลองหาวิธีคิดใหม่ทางการเมือง วิธีหนึ่งคือ การเมืองทางสายกลาง ทางสายกลาง หมายถึง การใช้ปัญญาพิจารณาตามเหตุตามผลโดยไม่แยกข้างแยกขั้ว 

การตัดสินโดยศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เป็นการประชาสัมพันธ์ให้พรรคก้าวไกลอย่างดีที่สุด เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งคราวหน้า พรรคของคนรุ่นใหม่คงจะชนะอย่างท่วมท้น แต่ปัญหามีอยู่ว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะแก้ปัญหาของประเทศได้จริงหรือไม่ 

ปัญหาใหญ่ของประเทศไทยคือคนไทยไม่รู้ความจริงของแผ่นดินไทย เพราะการศึกษาแบบเอาวิชาเป็นตัวตั้ง ไม่ได้เอาความจริงเป็นตัวตั้ง ถ้าไม่รู้ความจริง รบร้อยครั้งก็แพ้ทั้งร้อยครั้ง

ตัวอย่างมีให้ดูมากมาย แต่ขอยกมาเพียง 2 กรณี

1.เมื่อกองกำลังคอมมิวนิสต์จีนต่อสู้กับกองทัพอันเกรียงไกรของเจียงไคเชก เริ่มต้นบัญชาการรบโดยปัญญาชนจีนที่ไปเรียนมาจากมอสโก ปรากฏว่าแพ้หลุดลุ่ย ต่อเมื่อเหมาเจ๋อตุงเข้ามาบัญชาการรบเองจึงชนะเรื่อยมาเป็นลำดับ

เหมาไม่ใช่นักเรียนนอก แต่รู้ความจริงของแผ่นดินจีนอย่างทะลุปรุโปร่ง จนกระทั่งรวมประเทศได้ และพัฒนาขึ้นอย่างเข้มแข็งโดยรวดเร็วจนเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างเช่นปัจจุบัน เพราะพลพรรคคอมมิวนิสต์จีนรู้ความจริงของแผ่นดินจีนเป็นอย่างดี

2.ในสงครามเวียดนาม อเมริกันยกทหารเข้าไปในเวียดนามถึง 500,000 คน เพียบพร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์และงบประมาณ คนเวียดนามเหมือนคนมือเปล่า แต่คนอเมริกันพ่ายแพ้ออกมาจากเวียดนาม เพราะมีความรู้ที่ทันสมัยต่างๆ แต่ไม่รู้ความจริงของแผ่นดินเวียดนาม จึงกล่าวว่า ถ้าไม่รู้ความจริงของแผ่นดิน รบร้อยครั้งก็แพ้ทั้งร้อยครั้ง

การที่ประเทศไทยทำอย่างไรๆ ก็ออกจากวิกฤติไม่ได้ เพราะคนไทยไม่รู้ความจริงของแผ่นดินไทย

วิธีแก้วิกฤติของประเทศไทยคือ คนไทยทุกคนไม่ว่าจะรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ ควรลงไปใช้ชีวิต ไปทำงานร่วมกับชุมชน ที่เรียกว่าชุมชนเข้มแข็ง แล้วจะเกิดการเข้าใจความจริงของแผ่นดินไทย จึงจะแก้ปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ได้

ในการศึกษาควรมีหลักสูตรชุมชนศึกษาภาคปฏิบัติ ให้นักเรียนนักศึกษาทุกหลักสูตรลงไปปฏิบัติงานกับชุมชน เพื่อเรียนรู้ความจริงของแผ่นดินไทย 

ประเทศไทยมีทรัพยากรเพื่อการพัฒนามากมายถึง 9 ประเภท คือชุมชน ระบบการเมือง ระบบรัฐทั้งพลเรือนและกองทัพ ภาคธุรกิจการเงิน ระบบการศึกษา ระบบศาสนาและวัฒนธรรม ระบบสุขภาพ ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน

ประชาชนไม่ควรตกอยู่ในความยากจนและลำบากยากแค้นอย่างในปัจจุบัน โดยผู้นำทางการเมืองและเศรษฐกิจไม่มีทางแก้ปัญหาได้

การพัฒนาเศรษฐกิจมหภาคอย่างเดียวไม่มีทางแก้ความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ เพราะเศรษฐกิจมหภาคมีฐานอยู่ในทุน การวิจัยระยาวของ โทมัส พิเก็ตตี (Thomas Piketty) ในหนังสือของเขาชื่อ Capital in the Twenty-First Century แสดงว่ารายได้ที่เกิดจากทุน (Capital Income) สูงกว่ารายได้ที่เกิดจากการทำงานถึง 5 เท่า

การพัฒนาเศรษฐกิจมหภาคเพียงอย่างเดียวจึงทำให้ความเหลื่อมล้ำยิ่งเพิ่มขึ้นๆ เพราะรายได้มหาศาลไปกระจุกตัวอยู่ที่คนถือครองทุน และความยากจนแผ่กระจายไปสู่คนทำงานซึ่งเป็นคนเกือบทั้งหมดของสังคม

เหล่านี้เป็นเรื่องที่ชนชั้นนำทุกหมู่เหล่า ทุกพรรคการเมือง ไม่เข้าใจ ฉะนั้นแม้ในการเลือกตั้งคราวหน้า พรรคของคนรุ่นใหม่จะชนะอย่างท่วมท้น ก็คงแก้วิกฤตของประเทศไม่ได้ เพราะเขาเหล่านั้นศึกษาวิชาต่างๆให้มีความรู้ทางเทคโนโลยี แต่ไม่มีความรู้ความจริงของแผ่นดินไทย

โดยสรุป ปัญหาใหญ่ของประเทศคือการที่คนไทยไม่รู้ความจริงของแผ่นดินไทย ควรที่ทุกคน ทุกพรรค ทุกฝ่าย จะลงไปศึกษาให้รู้ความจริงของแผ่นดินไทย และร่วมมือกันแก้ปัญหาของประเทศ ประเทศก็จะหลุดออกจากวิกฤตการณ์เรื้อรังในเวลาไม่ช้านักภายหลังการเลือกตั้งคราวหน้า.