‘10 นโยบายด่วน’เกมต่อรองรัฐบาล พท.-ภท.สมประโยชน์‘กาสิโน-กัญชา’
‘10 นโยบายด่วน’ ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ? จับตาเกมต่อรองรัฐบาล เพื่อไทย-ภูมิใจไทย.สมประโยชน์‘กาสิโน' แลกกัญชา?
KEY
POINTS
- มีการตั้งข้อสังเกตว่า 10 นโยบายของรัฐบาลแพทองธาร มีหลายข้อที่สอดคล้อง หรือถอดแบบมาจาก วิสัยทัศน์ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา ผ่านเวที Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เปรียบเป็น "ทักษิณ" คิด เพื่อไทยทำ
- ว่ากันว่า ล่าสุด“บิ๊กเนม”2 พรรคคือ “เพื่อไทย”และ“ภูมิใจไทย” ปิดดีล “สมประโยชน์ร่วมกัน”ในการสนับสนุนกฎหมายกาสิโนที่กำลังจะถูกเสนอเข้าสู่สภาฯ หลังแถลงนโยบาย
- พ.ร.บ.กัญชา กัญชง” เวอร์ชันสีน้ำเงิน ค้างอยู่ในสภาฯ รอคิวที่จะถูกบรรจุเข้าสู่การพิจารณาวาระแรก ไม่ต่างจากร่างคำแถลงนโยบาย ที่เขียนชัดถึงการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ “โดยการตรากฎหมาย” จับตาเกมต่อรอง
- ในเชิงการเมือง ย่อมเป็นการตอกย้ำเกมสมประโยชน์แบบวิน-วิน
นับหนึ่งรัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร" จับตา “10 ภารกิจควิกวิน” ผ่านการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
ล่าสุด “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานรัฐสภา ได้นัดประชุมร่วมรัฐสภาเป็นพิเศษ วันที่ 12-13 ก.ย.2567 โดยมีวาระเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162
เจาะลึกคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี มีสาระสำคัญ จำนวน 14 หน้า ระบุถึงภาวะความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยเผชิญ ที่เติบโตน้อยกว่าศักยภาพ หนี้สินเรื้อรัง ความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาสังคม และการเมือง รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายเพื่อพลิกฟื้นประเทศจากปัญหารุมเร้า
จำนวนนี้มี “10 นโยบายเร่งด่วน” ที่ดำเนินการทันที ประกอบด้วย
1.การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ โดยเฉพาะกลุ่มสินเชื่อบ้านและรถ ช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบและในระบบที่ไม่ขัดต่อวินัยการเงินและไม่ทำให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม
2.ส่งเสริมและปกป้องผลประโยชน์ผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอี จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมของคู่แข่งต่างชาติ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มออนไลน์
3.ออกมาตรการเพื่อลดราคาพลังงานและสาธารณูปโภค ด้วยการปรับโครงสร้างราคาพลังงานและเร่งปรับปรุงกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น ทำสัญญาซื้อขายพลังงานโดยตรง พัฒนาระบบสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง สำรวจหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติม และเจรจาประเด็นพื้นที่ทับซ้อนกับกัมพูชา (OCA) เพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน ด้านขนส่งมวลชนจะกำหนดโครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมในกทม. เพื่อรองรับนโยบายค่าโดยสารราคาเดียวตลอดสาย
4.สร้างรายได้ใหม่ด้วยนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อจัดสรรวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุขและสาธารณูปโภค
5.เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก
6.ยกระดับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมให้เป็นเกษตรทันสมัย และเร่งเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรและราคาพืชผลการเกษตร
7.เร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์)
8.แก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาดและครบวงจร
9.เร่งแก้ปัญหาอาชญากรรม อาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพ และอาชญากรรมข้ามชาติเพื่อปกป้องผลประโยยชน์ของประชาชน
10.ส่งเสริมศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของนโยบาย “ระยะกลาง” และ “ระยะยาว” อาทิ นโยบายที่ 2.3 สนับสนุนการยกระดับสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย โดยใช้นวัตกรรม รวมถึงการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ที่สร้างมูลค่าเพิ่มในทางเศรษฐกิจ และควบคุมผลกระทบทางสังคม “โดยการตรากฎหมาย” เป็นต้น
ผ่านโยบาย ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ?
มีการตั้งข้อสังเกตว่า 10 นโยบาย ของรัฐบาลแพทองธาร มีหลายข้อที่สอดคล้อง หรือถอดแบบมาจาก วิสัยทัศน์ของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา ผ่านเวที Dinner Talk : Vision for Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา เปรียบเปรยว่าเป็น "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ?"
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้กับกลุ่มเปราะบาง โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กาสิโนถูกกฎหมาย หรือโครงสร้างพื้นฐานรถไฟฟ้าราคาเดียว หรือไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย เป็นต้น
ต้องจับตาในวัน “เปลี่ยนตัวผู้นำรัฐบาล” สารพัดเรือธงที่ถูกเสนอเป็นนโยบายรัฐบาล แม้เบื้องหน้า “บิ๊กเนมรัฐบาล” จะบอกว่าเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล
ทว่า เบื้องลึกจริงๆ “อำนาจต่อรอง” ในซีกรัฐบาลระลอกใหม่ อาจเพิ่งเริ่มก่อตัว โฟกัสไปที่นโยบายเร่งด่วนที่ 7 คือนโยบายกาสิโนถูกฎหมาย ขณะนี้ “กฎหมายกาสิโน” ซึ่งร่างโดยรัฐบาล ได้ผ่านการรับฟังความเห็น และเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เป็นเช่นนี้ต้องจับตาจังหวะ “พรรคร่วมรัฐบาล ” เวลานี้กุมเสียงในสภาฯถึง 325 เสียง แน่นอนว่า หากกฎหมายถูกเสนอเข้าสภาฯ โอกาสผ่านด่านสภาฯ ล่างแทบไม่ต้องลุ้น
แถม “ผู้จัดการรัฐบาล” อย่าง “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เคยพูดไว้เมื่อครั้งยังเป็น รมว.พาณิชย์ ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุการเมือง จนนำมาสู่การเปลี่ยนตัวนายกฯ เพียง 4 วันว่า ไม่จำเป็นต้องเช็กเสียงรัฐบาล เนื่องจากผ่านด่าน กมธ.วิสามัญมาแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ทว่า ท่าทีดังกล่าวกลับสวนทางกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะ “พรรคภูมิใจไทย” ที่ออกมาแถลงจุดยืนเมื่อวันที่ 13 ส.ค. เพียง 1 วันก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากความเป็นนายกรัฐมนตรี
วันนั้น ภูมิใจไทยแถลง 4 ประเด็น “คัดค้าน”ร่างกฎหมายดังกล่าว เนื้อหาสำคัญ อาทิ ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมาย อาจจะทําให้มีทั้งการพนันบนดิน และใต้ดิน ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาต่อไปได้ เรื่องผลประโยชน์ต่อรัฐ และต่อประชาชน ที่ยังไม่ชัดเจน และยังไม่มากพอสําหรับการที่จะลงทุนทําเรื่องนี้ และเรื่องผลกระทบในเชิงของการขับเคลื่อน และกระตุ้นการท่องเที่ยว ที่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าการทํากาสิโนจะเป็นสิ่งที่กระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศไทย
ไม่ต่างจากพรรคร่วมรัฐบาลที่เสียงแตกออกเป็น 2 ส่วน ทั้งเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย
สมประโยชน์“กาสิโน” แลก “กัญชา”
คล้อยหลังราว1เดือนในจังหวะของการเปลี่ยนตัวผู้นำจากเศรษฐา เป็น “แพทองธาร” นโยบายกาสิโนถูกบรรจุเป็นนโยบายรัฐบาลอีกครั้งท่ามกลางสัญญาณการเปิดดีลยื่นหมูยื่นแมวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
ว่ากันว่า ล่าสุด“บิ๊กเนม”2 พรรคคือ “เพื่อไทย”และ“ภูมิใจไทย” ปิดดีล “สมประโยชน์ร่วมกัน”ในการสนับสนุนกฎหมายกาสิโนที่กำลังจะถูกเสนอเข้าสู่สภาฯ หลังแถลงนโยบาย
ที่เหลือก็ลุ้นแค่ “ด่านสภาสูง” คือวุฒิสภาที่จะให้ความเห็นชอบในด่านสุดท้าย ซึ่งหาก 2 พรรคดีลจบ ด่านสภาสูงที่ปกคลุมโดยสีน้ำเงินก็ไม่มีอะไรน่ากังวล
สอดคล้องกับท่าที “อนุทิน” ที่มักจะพูดเสมอ ประเด็นมารยาทพรรคร่วมรัฐบาล ล่าสุดพูดถึงท่าทีพรรคต่อการผลักดันกฎหมายกาสิโนว่า ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมันจะต้องไปแก้บ้าง
"แน่นอนว่า อะไรก็ตาม ถ้ามันดีกับพี่น้องประชาชน เราสนับสนุนอยู่แล้ว เรื่องนี้น่าจะดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนไทย แต่ต้องคิดว่า จะทำอย่างไรให้คนไทย ได้ประโยชน์สูงที่สุด"
แม้บางเรื่องจะเคลียร์จบ “สมประโยชน์ร่วมกัน” ระหว่าง 2 พรรค ก็ต้องไม่ลืมว่า ฝั่ง “ภูมิใจไทย” เองก็มีเรือธงสีน้ำเงิน นั่นคือ นโยบายกัญชา ที่ค้างเติ่งมานาน และจนถึงนาทีนี้ยังมี “พ.ร.บ.กัญชา กัญชง” เวอร์ชันสีน้ำเงิน ค้างอยู่ในสภาฯ รอคิวที่จะถูกบรรจุเข้าสู่การพิจารณาวาระแรก ไม่ต่างจากร่างคำแถลงนโยบาย ที่เขียนชัดถึงการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ “โดยการตรากฎหมาย”
อีกทั้งยังต้องจับสัญญาณ “ภูมิใจไทย” ในวันถือดุลอำนาจในสภาสูง แถมวันที่ 11 ก.ย. สภาฯ จะมีการโหวตเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ซึ่งรัฐบาลเห็นพ้อง เสนอชื่อ “ภราดร ปริศนานันทกุล” รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่ง ที่สำคัญยังมีอำนาจในการการพิจารณากฎหมายทั้งหมดที่จะเสนอเข้าสู่สภาฯ รวมถึงระเบียบวาระการประชุม
ฉะนั้น นัยในเชิงการเมือง ย่อมเป็นการตอกย้ำเกมสมประโยชน์แบบวิน-วิน ระหว่าง 2 พรรครัฐบาล อาจรวมไปถึงอำนาจต่อรองอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกด้วย!