'สุดารัตน์'ตาเจ็บนำ ทสท.ช่วยน้ำท่วม 'หนองคาย' แนะแก้ปัญหาชลประทานเป็นระบบ
"สุดารัตน์" ตาเจ็บลุยหนองคายช่วยน้ำท่วม ลงเรือลุยน้ำส่งกำลังใจพร้อมมอบถุงยังชีพถึงหน้าบ้าน เผยอุทกภัยหลายจุดยังน่าห่วง ชี้รัฐไทยขาดประสิทธิบริหารจัดการน้ำ แนะแก้ปัญหาชลประทานทั้งระบบ
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 ก.ย. 2567 ที่จังหวัดหนองคาย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายรัตนมงคล เลิศทวีวิทย์ รองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นายทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย นายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร นางสาวทศพร จันทร์ศรี และนายกฤษฎา เข็มรัตน์ ทีมไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย ที่ชุมนุมบ้านดอนสวรรค์ หมู่ 9 ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย และพื้นที่ชุมชนริมโขง ซึ่งยังมีน้ำท่วมขังหลายจุด โดยระดับน้ำนั้นยังสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งหลายชุมชนได้รับผลกระทบ จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และหลายพื้นที่ งดจ่ายกระแสไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ พร้อมทีมไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ลุยน้ำท่วมที่ชุมชนบ้านดอนสวรรค์ จากนั้นได้ลงเรือเข้าไปพบปะเพื่อให้กำลังใจพี่น้องประชาชน ที่ติดอยู่ภายในชุมชนและยังต้องการเฝ้าบ้าน เนื่องจากกังวลสิ่งของมีค่าจะสูญหาย
จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ เปิดเผยว่า แม้จะมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตา เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาใช้สายตาทำงานอย่างหนัก แต่เมื่อเห็นความทุกข์จากสถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วม ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาวหนองคายแล้ว จึงต้องลงพื้นที่มาให้กำลังใจ มอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความทุกข์ยากให้ผู้ประสบภัยในวันนี้ พร้อมตรวจเยี่ยมศูนย์ประสานงานซึ่งจะมีทีมไทยสร้างไทยหนองคาย นำโดยนายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร นางสาวทศพร จันทร์ศรี และนายกฤษฎา เข็มรัตน์ เป็นผู้ประสานงาน จะคอยติดตามให้ความช่วยเหลือ จนไปถึงติดตามข้อเรียกร้อง เพื่อเยียวยาพี่น้องประชาชน ที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้
คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่า ที่ผ่านมาพี่น้องคนไทยโดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน ประสบปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาตลอด แม้รัฐไทยจะมีหน่วยงานในการจัดการน้ำมากมาย และใช้เงินจำนวนมหาศาลในแต่ละปีแต่กลับขาดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างเป็นรูปธรรม จึงเห็นภาพความเสียหายต่อประชาชน ระบบเศรษฐกิจมหาศาล พรรคไทยสร้างไทยจึงประกาศเดินหน้านโยบาย เพื่อแก้ปัญหา โขง เลย ชี มูล อย่างเป็นระบบ
ซึ่งจากการศึกษา พบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีพื้นที่ 103.5 ล้านไร่ เป็นพื้นที่การเกษตร 63.85 ล้านไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่ชลประทานเพียง 8.69 ล้านไร่ หรือ ประมาณ 13.6% เท่านั้น ทำให้เหลือ พื้นที่ทางการเกษตรที่ไม่มีระบบชลประทานมากถึง 55.16 ล้านไร่ ทั้งที่ภาคอีสานเป็นพื้นที่เพาะปลูกสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ที่ทุ่งกุลา มันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา รวมทั้งเป็นภาคที่มีประชากรสูงที่สุด แต่กลับมีระบบชลประทานน้อยที่สุด
โครงการดังกล่าว จะทำให้ระบบคลองส่งน้ำและพื้นที่ชลประทานครอบคลุมทั้งภาคอีสาน 20 จังหวัด 281 อำเภอ เป็นพื้นที่ชลประทาน 31.78 ล้านไร่ คลองสายใหญ่จำนวน 6 สาย ความยาวรวม 2,271 กม. เกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 1.36 ล้านครัวเรือน หรือ 5.39 ล้านคน ช่วยลดปัญหาภัยน้ำท่วมน้ำแล้ง ลดความเสี่ยงจากฝนตกล่าช้าและฝนทิ้งช่วง รวมถึงปริมาณฝนที่สูงเกินกว่าที่คาดการณ์ ขณะเดียวกันยังสามารถเพิ่มระดับน้ำใต้ดิน ซึ่งจะช่วยบรรเทาอุทกภัยจากปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งอย่างยั่งยืน