‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น ‘แจกเงินหมื่น’ สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจยันลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต

‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น ‘แจกเงินหมื่น’ สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจยันลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต

“แพทองธาร” คิกออฟ “แจกเงินหมื่น” 1.45 แสนล้าน กระตุ้นครั้งใหญ่ โว สร้างพายุหมุนลูกแรก ต่อลมหายใจกลุ่มเปราะบาง มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ลั่นประเทศไทยต้องเปลี่ยนเศรษฐกิจทั้งระบบ รับใช้เวลาหลายปี แถมต้องอาศัยเสถียรภาพการเมือง ยัน “ดิจิทัลวอลเล็ต” เดินหน้าต่อ

ที่ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดงาน (Kick Off) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น ‘แจกเงินหมื่น’ สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจยันลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต

นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ กล่าวว่า ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังมานานหลายปี ไม่ใช่เพียงแค่จากปัจจัยภายใน แต่ยังมีผลจากเศรษฐกิจทั้งโลกที่ฟื้นตัวช้า ซ้ำเติมด้วยปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในหลายภูมิภาค และยังไม่รวมกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้เกิดภัยพิบัติในหลายพื้นที่ทั่วโลก รวมถึงในบ้านเราก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งเหตุอุทกภัยในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลายปัจจัยที่กล่าวมา ทำให้เศรษฐกิจไทยฝืดเคือง ไม่สามารถที่จะเพิ่มการลงทุนได้ จะเห็นได้ชัดว่า การลงทุนใหม่ๆ ของเราก็หายไปในระบบ เงินไม่หมุนเวียน ทำให้การลงทุนน้อยลง อุตสาหกรรมใหม่ที่จะมาลงทุนในประเทศไทยน้อยลง กลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สุด คือ กลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อย รวมถึงผู้พิการ ในอนาคต ประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางด้านเศรษฐกิจทั้งระบบ  ทำให้เศรษฐกิจต้องมีความพร้อมต่อการลงทุน และอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่จะทำให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้ รัฐบาลจะสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว เพื่อให้คนไทยมีความมั่นคง และหารายได้อย่างยั่งยืน 

‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น ‘แจกเงินหมื่น’ สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจยันลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต

‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น ‘แจกเงินหมื่น’ สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจยันลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต

นายกฯ กล่าวว่า นโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลเน้นย้ำตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมา 1 ปี ได้เน้นย้ำนโยบายด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ซึ่งจะสามารถทำให้ประชาชนมีชีวิตที่พัฒนาได้มากขึ้น แต่นโยบายหลายนโยบายอาจจะต้องใช้เวลา บางเรื่องหลายเดือน บางเรื่องต้องใช้เวลาหลายปี ต้องอาศัยเสถียรภาพทางการเมืองด้วย เพื่อที่จะให้นโยบายมีความพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้คือ ความท้าทายที่รัฐบาลจะต้องเปลี่ยนให้กลายเป็นโอกาส และความหวังเพื่อประชาชน ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับนโยบายเศรษฐกิจ หลายโครงการได้ดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว สานต่อมายังรัฐบาลนี้ในวันนี้ และมีแผนที่จะทำต่อในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการพักหนี้เกษตรกร การลดดอกเบี้ย ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านนโยบายฟรีวีซ่า ทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งประเทศ

‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น ‘แจกเงินหมื่น’ สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจยันลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยจะถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ เงินสดถึงมือคนไทย ระบบเศรษฐกิจจะถูกเติมเงินหมุนเวียนกว่า 145,552.40 ล้านบาท สร้างพายุหมุนทางเศรษฐกิจลูกใหญ่ลูกแรก ที่ทำให้คนไทยได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่ ต่อลมหายใจให้ประชาชนรายเล็กที่กำลังเดือดร้อน นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรอบนี้จะถึงมือประชาชนกลุ่มเปราะบาง จำนวน 14.55 ล้านคน โดยแบ่งเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 12.40 ล้านคน และกลุ่มคนพิการจำนวน 2.15 ล้านคน ทุกคนจะได้รับเงินสดคนละ 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผ่านช่องทางการรับเบี้ยเดิมของผู้พิการ ไม่ว่าจะเคยได้รับเงินผ่านบัญชีธนาคาร หรือได้รับเงินสดผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้รับเงินในวิธีการเดิม

“ที่สำคัญเงินจำนวนนี้ไม่มีเงื่อนไขในการใช้จ่ายแต่อย่างใด เมื่อเงินเข้าบัญชีสามารถนำไปใช้จ่ายได้ทันที เป็นวิธีการที่ง่ายที่สุด และถึงมือประชาชนมากที่สุด การโอนเงินจะทยอยโอนให้ถึงมือพี่น้องประชาชนภายใน 4 วัน โดยเริ่มที่วันนี้เป็นวันแรก นโยบายนี้จะช่วยกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประชาชน สร้างโอกาส สร้างความหวัง นำไปสู่การพัฒนาเพื่อต่อยอดคุณภาพชีวิต ให้พี่น้อง มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี” นายกฯ กล่าว  

‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น ‘แจกเงินหมื่น’ สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจยันลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต

นายกฯ กล่าวว่า เงินหนึ่งหมื่นบาทเป็นจำนวนที่จะทำให้ประชาชนหลายคนมีโอกาสสร้างชีวิตใหม่ และเป็นเงินจำนวนที่มากพอเมื่อรวมกันหลายคน สามารถนำไปลงทุนค้าขาย ต่อยอดธุรกิจ พร้อมรับโอกาสดีๆ ที่จะเข้ามา รัฐบาลเชื่อในศักยภาพของพี่น้องคนไทย เมื่อมีโอกาสมาถึงมือจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ รวมถึงพี่น้องหลายคนที่กำลังประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัยจะได้รับการช่วยเหลือเพิ่มเติม ผ่านนโยบายนี้ได้อีกทางหนึ่ง

“รัฐบาลมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงยังคงเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลให้ประชาชนมี Digital ID เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาล และประชาชน ทำให้การทำธุรกรรมต่างๆ กับหน่วยงานรัฐสะดวกขึ้น โปร่งใสตรวจสอบได้ เช่น การให้เงินช่วยเหลือเมื่อเกิดภัยพิบัติ การชำระค่าไฟ เป็นต้น ประชาชนสามารถติดตามข่าวสาร และตรวจสอบข้อมูลได้ที่ทุกช่องทางของกระทรวงการคลัง และกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ทั้งหมดเพื่อเป้าหมายสำคัญ คือ การสร้างสภาพแวดล้อมที่จะเอื้อให้ประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง มีรอยยิ้ม สร้างความเท่าเทียมทางโอกาส เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาดีอีกครั้ง” นายกฯ กล่าว

‘นายกฯ อุ๊งอิ๊ง’ ลั่น ‘แจกเงินหมื่น’ สร้างพายุหมุนเศรษฐกิจยันลุยต่อดิจิทัลวอลเล็ต

จากนั้น นายกฯ ได้วิดีโอคอลไปยังตัวแทนผู้ได้รับเงิน 10,000 บาท จากจังหวัดเชียงใหม่ สมุทรสาคร มุกดาหาร และจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยนายกฯ ได้สอบถามพร้อมแสดงกล่าวความยินดีกับผู้ที่ได้รับเงิน ขอให้นำเงินที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งนี้ ตัวแทนชาวบ้านได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่ได้ผลักดันโครงการฯ ทำให้ประชาชนได้รับเงิน 10,000 บาท โดยจะนำเงินที่ได้รับไปใช้ซื้อของอุปโภค บริโภค และของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน รวมถึงนำเงินไปเป็นทุนต่อยอดการค้าขายต่อไปสำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และคนพิการ เฟส 1 กำหนดแจกกลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน ประกอบด้วยผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอยู่กว่า 12.4 ล้านคน และผู้พิการ กว่า 2.15 ล้านคน รวมเป็นงบประมาณที่ใช้อยู่ที่ประมาณ 1.45 แสนล้านบาท โดยจะแจกเป็นเงินสด จำนวน 10,000 บาท โอนเข้าบัญชีผ่านช่องทางที่กำหนด ทั้งระบบพร้อมเพย์ผ่านหมายเลขบัตรประชาชน หรือบัญชีเงินฝากที่แจ้งความประสงค์ไว้ หรือช่องทางการรับเงินเบี้ยคนพิการ ตามที่ได้รับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ โดย กรมบัญชีกลาง กำหนดโอนเงินในวันที่ 25 - 27 และ 30 กันยายน นี้ แบ่งการโอนเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ วันที่ 25 กันยายน 2567 โอนเงินให้คนพิการ พร้อมกันทั้ง 2.15 ล้านคน และผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 0 ประมาณ 1.13 ล้านคน วันที่ 26 กันยายน 2567 เลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 1-3 ประมาณ 4.51 ล้านคน วันที่ 27 กันยายน 2567 เลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 4-7 ประมาณ 4.51 ล้านคน และวันที่ 30 กันยายน 2567 เลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 8-9 ประมาณ 2.26 ล้านคน

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์