เปิดตัวกลุ่ม ‘สวัสดีคนไทย’ ขายไอเดีย รู้ทัน ‘การเมืองเก่า’

สถานการณ์ทางการเมืองภายใต้การบริหารของ รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นับจากวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก็เกือบเข้าสู่เดือนที่ 2 แล้ว ทว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและต้นตอทางการเมืองยังไม่เห็นทางออกเป็นรูปธรรมนัก

ไล่ตั้งแต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญยังไม่มีความคืบหน้า การแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องยังไม่กระเตื้อง ผสมโรงกับเจอปัญหา “นักร้อง” นอกสภาฯ กดดันยื่นร้องหวังสอย “แพทองธาร” ให้พ้นจากตำแหน่ง ควบคู่กับการดิสเครดิต “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ในประเด็นครอบงำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยให้เป็นเรื่องกังวลใจรัฐบาล

ทำให้ห้วง 2 เดือนที่ผ่านมาช่วงก่อร่างตั้งรัฐบาลนายกฯ อิ๊งค์ จึงเกิดการหารือกันภายในวงเล็กๆ ภายใต้กลุ่มนักคิด นักวิชาการ นักวิเคราะห์ และอดีตฝ่ายความมั่นคงที่ไม่ต้องการให้ประชาชนหมดหวังต่อสถานการณ์ปัจจุบัน

วงเล็กๆ นี้ใช้ชื่อ “กลุ่มสวัสดีคนไทย” ได้เคลื่อนไหวหารือพบปะภาคส่วนต่างๆในสังคม เพื่อประสานคนที่มีแนวคิด จุดยืนที่ต้องการเห็น “การเมืองใหม่” ขับเคลื่อนทิศทางการแก้ปัญหาของประเทศ แต่ไม่ใช่ขับเคลื่อนด้วย “การเมืองเก่า”

กลุ่มสวัสดีคนไทย มี 2 คนเป็นแกนหลัก คือ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ ดร.พิศุทธิ์ จำเริญรวย อดีตรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนรินทรวิโรฒ (มศว) และอดีตประธานวิสัยทัศน์พรรคเป็นธรรม

“ดร.พิศุทธิ์” เป็นผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่2 ของพรรคเป็นธรรม ซึ่งพรรคเป็นธรรม มี สส.เพียง 1 คน คือ “กัณวีร์ สืบแสง” ปัจจุบัน “ดร.พิศุทธิ์”มีเพียงตำแหน่งสมาชิกพรรคเป็นธรรม

“กลุ่มสวัสดีคนไทย” ขายชุดความคิด เน้น “คนรุ่นใหม่” ที่ไม่จำกัดอายุ ไม่จำกัดเพศ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในทุกสมการ ขายไอเดีย “คิดใหม่ ทำเป็น” เพราะการทำการเมืองแบบเก่า ด้วยการตระบัดสัตย์นั้น เป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวังไม่ได้

ที่ผ่านมาเคยถกแถลงไอเดียผ่านประเด็นประวัติศาสตร์ ทั้ง “เหตุการณ์ 14 ตุลา 2516" และ “เหตุการณ์ 6 ตุลา 2519" รวมทั้ง “เหตุการณ์ตากใบ 25 ตุลา 2547"

เหตุที่ต้องใช้ชื่อกลุ่มสวัสดีคนไทย เพราะเป็นชื่อมีความหมายในเชิงบวก เข้าใจง่าย

คำว่า “สวัสดี” คือการทักทายของคนไทยที่ไม่ได้จำกัดเพศ ทำให้คนไม่สิ้นหวัง เจอหน้ากันก็สวัสดี

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ “พล.ท.ภราดร” และ “คีย์แมนพรรคเป็นธรรม” ใช้ชื่อกลุ่มสวัสดีคนไทย เดินสายไปสวัสดีทักทายภาคส่วนต่างๆ เพื่อก่อร่างกลุ่มการเมืองที่มีดีเอ็นเอทางการเมืองแบบเดียวกัน และคาดว่าจะมีปลายทางอยู่ที่สนามเลือกตั้งในปี 2570

ทั้ง พล.ท.ภราดร และ ดร.พิศุทธิ์ เน้นจุดยืนในเรื่องความมั่นคงสถานการณ์บ้านเมือง โน้มน้าวกลุ่มต่างๆ ให้เชื่อว่า ประเทศไทยยังพอมีความหวัง เพียงแต่ติดปัญหาตรงที่ฝ่ายการเมืองมีปัญหาเท่านั้น ฉะนั้นจึงต้องแก้ไขปัญหาการเมืองก่อน

แม้หน้าฉาก พล.ท.ภราดร จะเดินสายให้ความเห็นและวิเคราะห์ทางการเมืองออกสื่อ แต่ในทางลับคอการเมืองต่างรู้ว่า พล.ท.ภราดร ก็คือกุนซือผู้อยู่ฉากหลังให้กับ “พรรคเป็นธรรม”

ส่วนบทบาท “พรรคเป็นธรรม” ในอนาคต “กลุ่มสวัสดีคนไทย” ให้พรรคเป็นธรรมเดินไปตามตามธรรมชาติ เพราะถึงอย่างไรพรรคเป็นธรรมก็จะเป็นพรรคการเมืองแนวร่วมอุดมการณ์ของ “กลุ่มสวัสดีคนไทย”

แม้พรรคเป็นธรรมจะไม่ได้ยึดโยงกับกลุ่มดังกล่าว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแกนนำของพรรคร่วมขับเคลื่อนกลุ่ม

“พล.ท.ภราดร” เปิดเผยถึงการขับเคลื่อนของกลุ่มสวัสดีคนไทยจะขยับไปถึงการก่อตั้งพรรคการเมืองในอนาคตหรือไม่ว่า ให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญกลุ่มสวัสดีคนไทยต้องการคนที่มีความคิดเดียวกันกับเราเยอะหรือไม่ที่ห่วงใยบ้านเมือง จากการเดินสายมา 2 เดือนก็พบว่ามีคนที่มีความคิดนี้อยู่มาก แต่ยังไม่มีเวทีแสดงออก และตนเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากมีศักยภาพที่จะทำการเมืองใหม่นี้ได้

“กลุุ่มสวัสดีคนไทยจะเดินทุุกก้าวย่างด้วย 3 จังหวะ คือ ชอบ-เชื่อ-ใช่ เมื่อกลุ่มคนต่างๆมาปฏิสัมพันธ์กันก็จะพบจุดหมาย และจากนั้นจะพัฒนาให้กลุ่มคนเหล่านี้เป็นแกนในการสื่อสารสังคมให้รู้เท่าทันการเมืองแบบเก่า” พล.ท.ภราดร แย้มถึงชื่อกลุ่มที่เขาหมายมั่นปั้นมือ

2 แกนหลัก “สวัสดีคนไทย” อาศัยช่วงจังหวะที่รัฐบาลยังไม่มีผลงานเป็นรูปธรรม เดินสายขายไอเดียการทำการเมืองใหม่ เน้นดึงภาควิชาการ ภาควิชาชีพ ฝ่ายความมั่นคงต่างๆ เข้าร่วม ปลุกกระแสให้คนไทยเชื่อว่าประเทศไทยยังมีทางออก

เมื่อถึงเวลาเกิดมีการยุบสภาฯ หรือเลือกตั้งใหม่ คนไทยอาจได้เห็นพรรคการเมืองใหม่ภายใต้แนวคิด “สวัสดีคนไทย” ก็เป็นได้ และสิ่งที่ต้องลุ้นกันต่อไป “การเมืองใหม่” ที่ว่านี้จะสู้รบในสนามเลือกตั้งต้านทานบรรดา “นักเลือกตั้ง” ที่อาศัยสูตรสำเร็จทำการเมืองแบบเก่าได้หรือไม่