'วิโรจน์' เปิด 3 เหตุผลสำคัญ ปชน.จ่อฟ้องคนกล่าวหาพรรคเป็นแนวร่วมบีอาร์เอ็น
'วิโรจน์' แจงละเอียด เปิด 3 เหตุผลสำคัญ ทำไม ปชน.จ่อฟ้องคนกล่าวหาพรรคส้มเป็นแนวร่วม 'บีอาร์เอ็น' ยันแพร่ข้อมูลเท็จ ไม่ใช่วิจารณ์โดยสุจริต ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสาธารณะ ปัดฟ้องอาญาแต่ฟ้องแพ่ง ถ้ายอมรับผิดก็พร้อมถอนฟ้อง
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2567 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณี ปชน.จะฟ้องบุคคลที่กล่าวหาว่าพรรคเป็นแนวร่วมขบวนการบีอาร์เอ็น ว่า ขออนุญาตอธิบายมุมมองต่อกรณีที่พรรคประชาชนมีความจำเป็นที่ต้องฟ้องหมิ่นประมาทผู้ที่กล่าวหาพรรคด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ในทางที่สื่อว่า พรรคมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความรุนแรง เพื่อทุกท่านจะได้สบายใจว่า การฟ้องในครั้งนี้ไม่ใช่การฟ้องเพื่อปิดปาก (SLAPP: Strategic lawsuit against public participation) ขอยืนยันว่าพรรคประชาชน ยังคงเคารพในเสรีภาพของการแสดงออก (Freedom of Expression) และเปิดกว้างยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ จากทั้งคนที่เห็นตรง และเห็นต่าง อยู่เสมอ
นายวิโรจน์ ระบุว่า เหตุผลความจำเป็นที่ต้องฟ้องในครั้งนี้ มีประเด็นสำคัญอยู่ 3 ประเด็น คือ
1. การกล่าวหาในลักษณะที่สื่อว่าพรรคประชาชน มีส่วนเกี่ยวพันกับการก่อเหตุความรุนแรง นั้นเป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ และมีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่เผยแพร่ มีเจตนาที่จะเผยแพร่ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต หรือมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงต่อความจริง ทั้ง ๆ ที่อยู่ในวิสัยที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ แต่ก็ไม่กระทำ หลักฐานอ้างอิงที่นำมาเชื่อมโยงเพื่อกล่าวหา ก็ปราศจากน้ำหนักที่มีนัยสำคัญ เป็นการเชื่อมโยงเอาเองตามอคติ ซึ่งถือเป็น “ความมุ่งร้ายโดยเจตนา” (Actual Malice)
ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา Barry Goldwater อดีตวุฒิสมาชิก ก็เคยฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทต่อ Fact Magazine และผู้จัดพิมพ์ Ralph Ginzburg หลังจากที่นิตยสารดังกล่าวเผยแพร่บทความในปี 1964 ซึ่งอ้างว่า Goldwater มีปัญหาทางจิต และไม่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งประธานาธิบดี บทความนี้ได้รับความคิดเห็นจากจิตแพทย์ที่ไม่ได้ตรวจสุขภาพจิตของ Goldwater โดยตรง ซึ่งนำไปสู่การถกเถียงครั้งใหญ่ในวงการสื่อ และจิตเวชศาสตร์ ในที่สุด ศาลได้พิจารณาว่ากรณีนี้เป็น ความมุ่งร้ายโดยเจตนา (Actual Malice) และพิพากษาให้ Goldwater ชนะคดี โดยได้รับค่าชดเชย $1 และค่าเสียหายเชิงลงโทษ (Punitive Damages) อีก $75,000
2. การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพรรคประชาชนโดยลำพัง แต่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสาธารณะอย่างร้ายแรง ความเคียดแค้นชิงชังที่เกิดขึ้น จากข้อความเท็จที่ใส่ร้ายว่าพรรคประชาชนเกี่ยวพันกับการก่อเหตุรุนแรง นั้นส่งผลกระทบต่อความปรองดองของประชาชน และอาจก่อให้เกิดความแตกแยก และความรุนแรงระหว่างประชาชนด้วยกันเอง การฟ้องร้องในครั้งนี้ พรรคประชาชนจึงไม่ได้ดำเนินการด้วยความโกรธ หรือต้องการที่จะตอบโต้ แต่มีเจตนาที่ต้องการจะปกป้องสาธารณะ จากผลกระทบของการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในครั้งนี้
"ผมเชื่อว่า หากเป็นการด่าทอต่อว่าในทางที่ทำให้พรรคเสียหาย โดยที่ไม่มีผลกระทบต่อสาธารณะ ต่อให้เป็นการด่าทอด้วยถ้อยคำผรุสวาท ผมก็เชื่อว่าพรรคประชาชนจะไม่มีทางฟ้องอย่างแน่นอนครับ" นายวิโรจน์ ระบุ
3. การฟ้องของพรรคประชาชนในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการดำเนินคดีอาญา ไม่ได้ต้องการให้ผู้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต้องถูกจำคุก หรือต้องรับโทษทางอาญา แต่เป็นการฟ้องร้องในทางแพ่ง เพื่อให้ผู้กระทำได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงในสิ่งที่ตนกล่าวอ้าง และในกรณีที่ผู้เผยแพร่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ผู้ที่เผยแพร่ก็ควรต้องรับผิดชอบต่อสาธารณะตามสมควร โดยที่พรรคไม่ได้หวังที่จะเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินทองมหาศาลจากผู้ที่กระทำ แต่อย่างใด
นายวิโรจน์ ระบุด้วยว่า หากผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ยอมรับผิด และขอโทษต่อสาธารณะ พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำการในลักษณะนี้อีก ก็เชื่อว่าพรรคประชาชนพร้อมที่จะพิจารณายุติการฟ้อง หรือถอนฟ้อง การขอโทษ ก็เพียงขอโทษต่อสาธารณะก็พอ ไม่จำเป็นต้องขอโทษพรรคประชาชนก็ได้ พอขอโทษต่อสาธารณะเสร็จ จะกลับมาด่าพรรคประชาชนต่อเลยก็ได้ จะไม่ชอบ หรือจะเกลียดพรรคประชาชนอย่างไร พวกเราพร้อมที่จะเคารพเสรีภาพในการพูด (Freedom of Speech) ของประชาชนทุกคนอยู่แล้ว
"หวังว่าทรรศนะของผมต่อการฟ้องของพรรคประชาชน จะทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นในการปกป้องสาธารณะ และมีความสบายใจมากขึ้นนะครับ ขอบคุณครับผม" นายวิโรจน์ ระบุ
ข้อมูลและภาพจากเฟซบุ๊ก: Wiroj Lakkhanaadisorn - วิโรจน์ ลักขณาอดิศร