สส.ปชน.จี้นายกฯ เลิกซื้อไฟฟ้า 3,600 MW เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดแทน
'ศุภโชติ' สส.ปชน.จี้นายกฯ เลิกรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 3,600 MW เปลี่ยนมาใช้ Direct PPA ลดค่าไฟประชาชน-ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2567 นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนจำนวนกว่า 3,600 เมกะวัตต์ที่มีข้อพิรุธหลายประการถึงความไม่โปร่งใส โดยเฉพาะการรับซื้อด้วยราคาที่แพงเกินไป ไม่มีการเปิดประมูลเพื่อให้มีการแข่งขัน แต่ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกลับออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะไม่เห็นด้วยกับการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ให้ผู้เข้าร่วมประมูลราคารับซื้อแข่งกัน ให้เหตุผลว่าราคาที่รัฐบาลกำหนดนั้นสมเหตุสมผลแล้ว และในอดีตที่เคยใช้วิธีเปิดประมูล ผู้เข้าร่วมประมูลเสนอราคาจนต่ำเกินไป ไม่สามารถดำเนินการได้จริง
นายศุภโชติ กล่าวว่า ต่อประเด็นนี้ตนมีความเห็น 2 ข้อ
(1) ราคาที่รัฐบาลกำหนด ทำให้ประชาชนได้รับไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแพงกว่าที่ควรเป็น กล่าวคือโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนกว่า 3,600 เมกะวัตต์ รัฐกำหนดราคารับซื้อจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ประมาณ 2.2 บาทต่อหน่วย และจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมประมาณ 3.1 บาทต่อหน่วย กำหนดจ่ายไฟตั้งแต่ปี 2565-2573 นั่นหมายความว่านับจากปี 2565 รัฐบาลกำหนดราคาล่วงหน้าถึง 8 ปี ทั้งที่ต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเหล่านี้ลดลงทุกปี เช่นนี้จะพูดได้อย่างไรว่าราคานี้สมเหตุสมผลแล้ว
(2) ประสบการณ์ในอดีตไม่ควรเป็นเหตุผลที่ยกเลิกการประมูลราคา เพราะนอกจากการประมูลราคาจะทำให้ประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าที่มีราคาถูกลงและสะท้อนต้นทุนตามความจริงแล้ว รัฐบาลยังมีวิธีการอื่นที่จะใช้ลงโทษคนที่ไม่สามารถดำเนินการตามสัญญาได้ เช่น กำหนดโทษปรับที่รุนแรงขึ้น หรือห้ามผู้ที่กระทำผิดไม่สามารถเข้าร่วมประมูลโครงการรัฐในอนาคต
นายศุภโชติ กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้ตนจึงเห็นว่าเหตุผลทั้ง 2 ข้อที่ รมว.พลังงานพูดถึง ไม่ว่าจะเป็นบอกว่าราคารับซื้อสมเหตุสมผลแล้วหรือการยกประสบการณ์ในอดีต ไม่ควรนำมาอ้างเพื่อให้ประโยชน์เกินควรแก่เอกชนและคิดค่าไฟแพงกับประชาชนเช่นนี้ นอกจากนี้ จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการพูดถึงโครงการ Direct PPA ที่ให้เจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดสามารถขายไฟให้ผู้ซื้อได้โดยตรง ชำระค่าเช่าสายส่งให้ภาครัฐจำนวน 2,000 เมกะวัตต์ โดยจะมีการเพิ่มโควตาและกำหนดให้อุตสาหกรรมอื่นๆ สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ จากเดิมที่ให้ Data Center เพียงอย่างเดียว
นายศุภโชติ กล่าวด้วยว่า ประเด็นนี้ตนเห็นด้วยตั้งแต่แรกว่า 2,000 เมกะวัตต์นั้นต่ำกว่าความต้องการไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในประเทศอยู่มาก และไม่ควรจำกัดแค่อุตสาหกรรม Data Center เนื่องจากอุตสาหกรรมอื่นๆ ก็ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับมาตรการภาษีทางคาร์บอน (CBAM) เช่นกัน เรื่องนี้จึงยิ่งชัดเจนว่าผู้ประกอบการในประเทศต้องการไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดในรูปแบบ Direct PPA มากกว่า ดังนั้นโครงการรับซื้อพลังงานสะอาดรอบล่าสุดกว่า 3,600 เมกะวัตต์ที่มีปัญหาตั้งแต่ราคารับซื้อที่ไม่สะท้อนต้นทุนจริง การปิดกั้นการแข่งขัน และเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน นายกฯ ควรใช้อำนาจในฐานะประธาน กพช. ยกเลิกและนำโควตาการรับซื้อมาเพิ่มให้กับโครงการ Direct PPA แทน
“ก่อนหน้านี้นายกฯ เคยบอกว่าเรื่องยังมาไม่ถึง กพช. แต่วันนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมแล้ว ไม่ต้องรอให้เรื่องเข้ามา ถ้านายกฯ เห็นว่าเรื่องนี้เป็นผลประโยชน์ของประชาชน ควรใช้อำนาจที่มีจัดการได้เลย จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่ไม่ต้องจ่ายค่าไฟแพง และเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ต้องการใช้พลังงานสะอาด” นายศุภโชติ กล่าว