คืนนี้! ‘ปาบึก’ เข้าสุราษฎร์ธานี
พายุโซนร้อน “ปาบึก” เคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในคืนนี้ และจะลดระดับลงเป็นพายุดีเปรสชั่นต่อไป
เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 62 เวลา 19.00 น. นายสิริวิชญ กลิ่นภักดี ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการลุ่มน้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ปฏิบัติการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 จังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยสถานการณ์พายุโซนร้อน “ปาบึก” (Pabuk) และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากพายุเคลื่อนขึ้นฝั่งแล้ว ทำให้เกิดคลื่นลมแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร น้ำทะเลหนุนเข้าท่วมถนน เขตชุมชน ตำบลขนาบนาค อำเภอหัวไทร อำเภอเมือง อำเภอปากพนัง อำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งลมกระโชกแรงมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายบริเวณกว้าง สำหรับทิศทางการเดินทางของพายุโซนร้อน “ปาบึก” นั้น
กรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) (สสนก.) แจ้งว่า เวลา 17.45 น. ศูนย์กลางของพายุอยู่บริเวณอำเภอช้างกลาง จังหวัดนครศรีธรรมราช ความเร็วสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็ว 13 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและจะเคลื่อนที่ปกคลุมจังหวัดสุราษฎร์ธานีในคืนนี้ (4 ม.ค 62) ส่งผลให้เกิดฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ในช่วงวันที่ 4-5 มกราคม 2562 ตั้งแต่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และ จังหวัดพัทลุง ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ดังกล่าวลดลงและเป็นฝนฟ้าคะนอง จากนั้นพายุจะเคลื่อนตัวผ่านภาคใต้ตอนบนผ่านลงไปสู่ทะเลอันดามัน ในวันที่ 6 มกราคม 2562 โดยบริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ส่วนทะเลอันดามัน คลื่นสูง 2-3 เมตร
ทั้งนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากพายุดังกล่าว ยังคงต้องเฝ้าระวังคลื่นลมแรงและระดับน้ำยกตัว ตั้งแต่เวลา 17.00-24.00 น.(ในวันนี้) โดยเฉพาะพื้นที่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทย บริเวณจังหวัดชุมพร ที่อำเภอละแม อำเภอหลังสวน อำเภอทุ่งตะโก อำเภอสวี อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่อำเภอท่าฉาง อำเภอดอนสัก อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอพุนพิน อำเภอท่าชนะ อำเภอไชยา อำเภอเกาะสมุย อำเภอเกาะพะงัน อีกทั้งยังคงต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่ง เนื่องด้วยขณะนี้หลายพื้นที่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีฝนตกหนักมากกว่า 100 มิลลิเมตร บริเวณอำเภอเมือง อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอพรหมคีรี อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอสิชล อำเภอลานสกา อำเภอทุ่งสง อำเภอพิปูน
ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหลากจากเทือกเขาหลวงไหลหลากเข้าสู่ชุมชนบริเวณคลองท่าดี อำเภอเมือง คลองกลาย อำเภอท่าศาลา คลองท่าเลา อำเภอทุ่งสง และพื้นที่ต้นแม่น้ำตาปี อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช รวมทั้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี บริเวณอำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอดอนสัก อำเภอบ้านนาสาร อำเภอไชยา อำเภอท่าชนะ อำเภอวิภาวดี อำเภอพนม และอำเภอบ้านตาขุน ด้วย ซึ่ง สทนช. จะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำล้นตลิ่งที่อาจเกิดขึ้นและบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้น้อยที่สุด