พปชร.ลุยเมืองละโว้ เปิดตัวผู้สมัคร 4 เขต
"อุตตม-สนธิรัตน์" นำทัพลุยเมืองละโว้ เปิดตัวผู้สมัคร 4 เขตเย็นนี้ พร้อมควง "สุชาติ" หอบไอเดีย "ส.ป.ก. 4.0" แจงชาวลพบุรีเป็นเวทีแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.พ.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค และนายสุชาติ ตันเจริญ กรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พร้อมคณะ จะเดินทางไปพบปะสมาชิกพรรคและประชาชน ที่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ก่อนที่ในช่วงเย็นเวลา 17.30 น.จะมีการจัดเวทีพบปะประชาชน ณ สนามกีฬาบ้านหมี่ อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี
โอกาสนี้จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลพบุรี ของพรรคทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วยเขต 1 นายประทวน สุทธิอำนวยเดช อดีต ส.ว.ลพบุรี , เขต 2 นางปวีณา นิลแย้ม อดีตสมาชิก อบจ.ลพบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ อ.บ้านหมี่ , เขต 3 นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.หลายสมัย และเขต 4 นายสุรเชษฐ์ ชุ่มฤทธิ์ อดีตสมาชิก อบจ.ลพบุรี
นายสุชาติ ตันเจริญ กรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณี นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศนโยบาย “ส.ป.ก.4.0 โอนสิทธิ์ เพิ่มมูลค่า ใช้ตรงประโยชน์” เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของพรรคว่า เป็นโอกาสดีที่ตนจะได้ร่วมคณะหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคในการลงพื้นที่ จ.ลพบุรี ซึ่งถือเป็นจังหวัดที่ประชาชนทำการเกษตร และประสบปัญหาที่ดินทำกินมาโดยตลอด ในฐานะผู้เสนอแนวคิด ส.ป.ก. 4.0 จะได้สื่อสารชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องชาวลพบุรีถึงกรอบแนวทางของนโยบายนี้ ที่ได้ผ่านการสำรวจปัญหา และรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศ ก่อนที่จะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ที่เข้าใจกรอบแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน จนนำมาบรรจุเป็นหนึ่งในนโยบายหลักของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้
โดยเชื่อว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชนก็จะนำกรอบแนวคิดไปสู่การปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ภายใต้กรอบของ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) และไม่ทำให้ที่ดินหลุดไปเป็นของนายทุนหรือต่างชาติ อย่างแน่นอน
นายสุชาติ กล่าวว่า ตนเข้าใจเจตนารมย์ของกฎหมายการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.ให้แก่เกษตรกรคนจนเป็นอย่างดี แต่ในความเป็นจริงก็ยังมีการใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ให้ทำเฉพาะการเกษตรอยู่ อีกทั้งยุคสมัยเปลี่ยนไปมาก ที่ดินหลายแห่งก็ไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรรมเพียงอย่างเดียว หรืออาจพูดได้ว่าการทำเกษตรกรรมทำให้เกษตรกรเป็นหนี้ และจนดักดานมาตลอด จึงได้วางกรอบนโยบาย ส.ป.ก.4.0 เพื่อให้ใช้ที่ดินได้ตรงตามศักยภาพ โดยมีหลักปฏิบัติ ดังนี้
1.ผู้ได้รับการจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.จะได้ครอบครองแค่ “ใบสลักสิทธิ์” ที่เปลี่ยนมือได้ โดยเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ยังเป็นชื่อ ส.ป.ก.ทุกตารางนิ้ว 2.ต้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุกอย่างเด็ดขาด ไม่ไว้หน้า ไม่ใช่แค่เอามาคืนเท่านั้นยังต้องมีโทษทั้งจำทั้งปรับที่มีอัตราค่าปรับที่เหมาะสม ย้อนหลังตั้งแต่ต้นของการกระทำผิด 3.กำหนดอำนาจหน้าที่ให้ ส.ป.ก. จำแนกที่ดิน และกำหนดอัตราภาษีแบบก้าวหน้า และค่าธรรมเนียมในการโอนสิทธิให้เหมาะสมกับศักยภาพของที่ดินนั้นๆให้ชัดเจน 4.พัฒนากองทุน ส.ป.ก. ให้รองรับบทบาทใหม่ในการบริหารที่ดินของ ส.ป.ก. ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน และ 5.ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน กองทุน ส.ป.ก.จะเข้าไปจัดสรรให้กับผู้ที่มีคุณสมบัติ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนไว้ก่อนปี 2554 จำนวน 3.3 แสนคนได้มีที่ดินทำกิน และต้องนำที่ดินไปใช้ตามศักยภาพ โดย ส.ป.ก.เข้าไปเป็นพี่เลี้ยง
สำหรับรายใหม่จะต้องถือครองไม่น้อยกว่า 10 ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนมือได้ นอกจากนี้จะผลักดันให้ใบสลักสิทธิ์ ส.ป.ก.4.0 ถือเป็นทรัพย์สิน ที่สามารถใช้ค้ำประกัน หรือหลักประกันทางธุรกิจ กับธนาคารได้ทุกธนาคาร ตามมูลค่าของที่ดินนั้นๆ ในลักษณะที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับโฉนดที่ดินด้วย
“สิ่งที่ผมย้ำมาตลอด คือ เราเพิ่มวัตถุประสงค์ใหม่เพื่อความยืดหยุ่นให้กับที่ดิน ส.ป.ก.4-01 แล้วสามารถเปลี่ยนมือได้ แต่ไม่ใช่ในลักษณะโฉนด เป็นเพียงใบสลักสิทธิ์ที่ ส.ป.ก.เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยที่ผู้ครอบครองสามารถโอนสิทธิให้แก่ผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่ ส.ป.ก.กำหนดได้เข้าทำประโยชน์แทนได้ ภายใต้เงื่อนไข และเสียค่าธรรมเนียมให้แก่ ส.ป.ก.ในอัตราที่กำหนด หากใช้หลักการนี้ทำครอบคลุมที่ดิน ส.ป.ก.ทั่วประเทศกว่า 30 ล้านไร่ จะทำให้เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้กว่า 10 ล้านล้านบาท เกษตรกรคนจนก็ไม่ต้องจนดักดาน มีโอกาสเป็นเศรษฐี มีเงิน มีรายได้หลายแสนหรือหลายล้านบาทต่อคนต่อครอบครัว” นายสุชาติ ระบุ