เหตุถล่มชรบ.ดับ15ราย! 'ปณิธาน' ชี้ผู้นำรุ่นใหม่ โชว์ศักยภาพส่งท้ายปี
จับประเด็นร้อน! "ดร.ปณิธาน" เตือนให้ระวัง ผู้นำป่วนชายแดนใต้รุ่นใหม่ ต้องการแสดงศักยภาพส่งท้ายปี แนะพูดคุยเพื่อสันติสุขควรจะมีพิมพ์เขียว
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มองว่า เหตุการณ์ที่คนร้ายเลือกโจมตีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ. ซึ่งเป็นกองกำลังภาคประชาชน เพราะ ชรบ.ถือเป็นจุดเปราะบาง เป็นเป้าหมายอ่อนแอ แม้จะไม่เปราะบางเหมือนสถานประกอบการเอกชน แต่การรับมือกับเหตุร้ายหรือการโจมตีก็ยังมีความเชี่ยวชาญน้อยกว่าเจ้าหน้าที่ที่ถูกฝึกมามากกว่า ส่วนสาเหตุที่ฝ่ายความมั่นคงใช้กองกำลังภาคประชาชนในการดูแลพื้นที่ เพราะถ้าเป็นประชาชนด้วยกันจะทราบความเคลื่อนไหวและข่าวสารต่างๆ ของผู้ก่อความไม่สงบที่แฝงตัวอยู่ตามหมู่บ้าน เมื่อได้ข่าวสารก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินสถานการณ์และประมวลข้อมูลเพื่อวางแผนรับมือ ส่วนอีกแง่มุมหนึ่งคือสภาพความเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เพราะถึงอย่างไรก็ยังเป็นชาวบ้าน เป็นราษฎรที่เสียสละมาดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย ฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคงว่าจะพลิกจุดอ่อนนี้มาเป็นจุดแข็งในอนาคตได้อย่างไร
อ่านข่าว-'นายก' สั่งล่าผู้ก่อเหตุมาลงโทษ เหตุถล่มชรบ.ดับ15ศพ
“ผมคิดว่าน่าจะต้องมีการทบทวนถึงเรื่องความเปราะบางในหลายๆ ส่วนที่จะยังตกเป็นเป้าหมายเพื่อสร้างความเข้มแข็งในภาพรวมในภารกิจรักษาความปลอดภัย โดยหลังจากนี้การทำงานด้านข่าวกรองของเจ้าหน้าที่จะต้องมีความลึกซึ้งมากกว่าเดิม” อาจาารย์ปณิธาน กล่าว
ส่วนความอ่อนไหวของพื้นที่ตามแนวชายแดนที่มีข่าวว่าผู้ก่อความไม่สงบมักลำเลียงยุทโธปกรณ์และลักลอบข้ามแดนเข้ามาตามช่องทางธรรมชาตินั้น รศ.ดร.ปณิธาน ยอมรับว่า ขณะนี้มีแนวร่วมรุ่นใหม่ที่ถูกฝึกฝนมาจากนอกพื้นที่ลักลอบเข้ามาตามรอยต่อชายแดนประเทศเพื่อนบ้านจริง ซึ่งทางกองทัพก็พยายามสกัดกั้นแต่ไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมดเพราะพื้นที่แนวชายแดนมีระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร จึงต้องทำเป็นจุดๆ เน้นเฉพาะจุดที่สำคัญๆ
“มาตรการดูแลชายแดนของกองทัพอาจจะยังได้ผลไม่เต็มที่ แต่ก็ลดจำนวนเหตุร้ายได้มากขึ้น แต่กำลังพลที่วางเพิ่มตามแนวชายแดนประมาณ 5,000 นาย กับชายแดนที่ยาวหลายร้อยกิโลเมตรน่าจะยังไม่เพียงพอ ฉะนั้นจำเป็นต้องใช้การข่าวในการสืบหาข้อมูล”
เมื่อให้ประเมินสถานการณ์ไฟใต้นับจากนี้ รศ.ดร.ปณิธาน มองว่า ปัญหาไฟใต้ยืดเยื้อมานานกว่า 16 ปี การประเมินระยะยาวจึงค่อนข้างยาก ขอประเมินจากช่วงระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ก่อน โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันลอยกระทง ต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะตอนนี้มีกลุ่มผู้นำหน้าใหม่ต้องการแสดงศักยภาพ และอาจจะยาวไปจนถึงช่วงปลายปีด้วย ส่วนปีหน้าเมื่อคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขเริ่มทำงานก็ควรจะมี “พิมพ์เขียว” ในเรื่องของการลดความรุนแรงควบคู่ไปกับการพูดคุยด้านอื่นๆ และต้องเจรจากับทางการมาเลเซียอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเรื่องการปิดพรมแดนและควบคุมคนกระทำผิดที่มีหมายจับ หรือหมาย พ.ร.ก.ที่หลบหนีข้ามไปมาเลเซีย