ขวางตั้งกมธ.โละทิ้ง 'คำสั่งคสช.' 'วิปรัฐบาล' อ้างสิ้นสุดสภาพบังคับ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราฎรในสัปดาห์นี้ในวันที่27พ.ย. ที่ประชุมจะมีการพิจารณาลงมติในญัตติด่วน เรื่อง ให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44

โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า เบื้องต้นที่ประชุมวิปรัฐบาลมีความเห็นร่วมกันว่าจะไม่มีการตั้งกมธ.ในเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก1.แม้ที่ผ่านมาจะมีประกาศและคำสั่งหัวหน้าคสช.มากกว่า 400 ฉบับ แต่ปัจจุบันพบว่ามีหลายฉบับที่สิ้นสุดการบังคับใช้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในประกาศคำสั่งดังกล่าว อีกทั้งยังได้มีการยกเลิกไปแล้วหลายฉบับ ทำให้เหลือประกาศและคำสั่งจำนวนไม่มาก และ 2.เห็นว่าเมื่อมีส.ส.อภิปรายแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก จึงคิดว่าจะดำเนินการจัดส่งข้อสังเกตไปให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแทน

ส่วนที่การอภิปรายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีส.ส.โดยเฉพาะในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ต่างอภิปรายสนับสนุนให้มีการตั้งกมธ.นั้นทั้งหมดคงต้องรอดูว่าที่สุดแล้วที่ประชุมสภาฯ จะมีมติอย่างไร ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องนี้คงไม่ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรค

วันเดียวกันนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมแกนนำพรรคได้ร่วมลงพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยาเพื่อร่วมงานงานครบรอบ 1 ปี พรรคอนาคตใหม่ สาขาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยภายในงานมีการเปิดรับสมาชิกพรรคพร้อมการแสดงวิสัยทัศน์จากหัวหน้าพรรค โดยชูมาตรการหลักที่นำเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร์ ได้แก่ 1.รณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และ2.การลบล้างคำสั่งคสช.

โดยนายธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากสมาชิกภาพความเป็นส.ส. ตนยังยืนยันที่จะเดินหน้าทำงานนอกสภาแม้ไม่ได้เป็น โดยจะเดินหน้ารณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารภายใต้แคมเปญ ทอ.ทหารทันสมัย พร้อมยืนยันว่า การลงพื้นที่เป็นการรณรงค์ไม่ใช่การปลุกระดม แต่ทั้งหมดขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเอง อย่างไรก็ดีในเจตนารมย์การลงพื้นที่เพราะนโยบายยกเลิกเรื่องทหารเป็นหนึ่งในนโยบายแรกที่พรรคอนาคตใหม่พยายามจะผลักดัน

ส่วนเรื่องกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เตรียมยื่นร้องศาลเอาผิดในคดีอาคงต้องขึ้นอยู่กับทาง กกต.เอง เพราะอำนาจอยู่ในมือของทาง กกต. ตนเองทำได้เพียงเดินหน้าพูดคุยกับประชาชนให้ตัดสินใจเอง

เล็งเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น22 ธ.ค

วันเดียวกันเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งส.ส. จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 7หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ให้สมาชิกภาพส.ส ของนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีตส.ส.เขต 7 จ.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย สิ้นสุดลง เนื่องจากต้องคำพิพากษาศาลจังหวัดขอนแก่นให้ประหารชีวิต ในคดีจ้างวานฆ่าอดีตปลัดจังหวัดขอนแก่น และถูกคุมขังอยู่โดยหมายศาลระหว่างอุทธรณ์คดี อย่างไรก็ดีในการประชุมกกต.วันนี้(25พ.ย.)คาดว่า ที่ประชุมจะมีการพิจารณาดังกล่าวงจะมีกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 22 ธ.ค. เป็นวันเลือกตั้ง และกำหนดรับสมัครวันที่ 28 พ.ย.-2 ธ.ค.นี้

ส่วนความเคลื่อนไหวพรรคการเมืองในการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งซ่อมในเขตดังกล่าว นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่ามีความพร้อมและมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า นายสมศักดิ์ คุณเงิน อดีตผู้สมัครส.ส. จะได้รับชัยชนะ เนื่องจากคะแนนเสียง ห่างกับผู้ได้รับเลือกตั้งส.ส. เพียง 3,000 คะแนนเท่านั้น โดยยืนยันว่าพปชร. ไม่ได้มีการใช้กลไกรัฐในการสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบตามที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร.ให้สัมภาษณ์อย่างแน่นอน ซึ่งตลอด 6 เดือน ที่ผ่านมารัฐบาลมีผลงานที่จับต้องได้ จึงเชื่อว่าชาวจังหวัดขอนแก่นจะเลือกพปชร.ทำให้ได้ส.ส.เพิ่มอีก 1 คน ส่งผลให้รัฐบาลมีเสียงเพิ่มขึ้นเป็น 256 เสียง มีเสถียรภาพในการบริหารประเทศมากยิ่งขึ้น

ฝ่ายค้านล็อกเป้าซักฟอก3กลุ่ม

ขณะที่การเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่าบื้องต้นจะแบ่งกลุ่มผู้ที่ถูกอภิปรายเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่ม 3 ป. ที่เป็นแกนหลักตั้งแต่รัฐบาลรัฐประหาร จนถึงรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2.กลุ่มใกล้ชิด หรือตัวแทนของ 3 ป. ที่อยู่ในอำนาจต่อเนื่องนานๆ และ 3.กลุ่มที่เข้ามาใหม่ แล้วพบพิรุธในโครงการต่างๆเพื่อเอื้อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้อง ซึ่งจะต้องหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างใกล้ชิดต่อไป

“ฝ่ายค้านยุคนี้ไม่มีเครื่องมือพิเศษ หรือตัวช่วยอะไร ที่พออภิปรายล้มรัฐบาลไม่ได้ แล้วสามารถใช้ดาบ 2 ดาบ 3 เครื่องมือพิเศษอื่นๆในการจัดการรัฐบาลให้พ้นไป นอกจากการดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาตามกลไกรัฐสภา” โฆษกพท.กล่าว

เช่นเดียวกับนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตโฆษกกมธ.เพื่อการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว สภาผู้แทนราษฎร กล่าวา เมื่อวันอังคาร 19 พ.ย.ที่ผ่านมา , ตนเองได้ส่งหนังสือฯ “เรื่อง การปฎิบัติหน้าที่เรื่องการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2562 “ โดยมีสาระสำคัญ คือ ให้นำประกาศคณะกรรมการความร่วมมือป้องกันการทุจริตมาใช้บังคับกับคำสั่ง คสช.ฉบับนี้พร้อมมีหนังสือฯ ไปสอบถามคณะกรรมการฯ 4คือ1.ขอทราบข้อตกลงคุณธรรมในการดำเนินการฯ2.ขอเอกสารเชิญชวนฯ ผู้เชี่ยวชาญ และ ผู้สังเกตการณ์ ว่ามีใคร? บ้าง 3.ขอให้เปิดเผย แผนการจัดซื้อจัดจ้าง หลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างรัฐและเอกชน และ4.ข้อเสนอแนะของ สนง.อัยการสูงสุด ต่อร่างสัญญาร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอก

อย่างไรก็ดีถ้าภายในสัปดาห์นี้ผู้ที่เกี่ยวข้องฯ ยังไม่ทำอะไรให้เกิดความโปร่งใสจะนำเรื่อง ดังกล่าวเสนอต่อพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ มท.1ต่อไป

“ศรีนวล”ยันโหวตสวนเพื่อประชาชน

ด้านน.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เขต 8 เชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงถึงกรณีการโหวตสวนมติพรรคฝ่ายค้านในเรื่องของขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญขึ้นมาพิจารณาต่อจากพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562ว่า  กฎหมายตัวนี้จะออกมาช่วยคุ้มครองสถาบันครอบครัวที่มีทั้งเด็ก สตรี ผู้พิการ และผู้สูงอายุ ซึ่งต้องได้รับการปกป้อง เพราะนี่คือจุดยืนในการทำงานเป็นส.ส. ของตนเอง และแม้จะเป็นฝ่ายค้านแต่มองเห็นว่าในเรื่องนี้ประชาชนจะได้ประโยชน์ ก็ต้องโหวตให้ฝั่งรัฐบาลเพื่อพี่น้องประชาชน

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางรัฐบาลที่จะมาถึง เราต้องมาดูว่าคนที่เราจะอภิปรายไม่ไว้วางใจเขาเป็นอย่างไร ทำไม่ดีเราก็ต้องบอกว่าไม่ดี ถ้าเราเป็นฝ่ายค้านแล้วค้านไปเสียทุกเรื่อง ประเทศไทยจะเดินหน้าได้อย่างไร และขอยืนยันว่าไม่เคยไปรับเงินใคร หรือพูดคุยกับพรรครัฐบาลเป็นการส่วนตัว ขณะที่สถานการณืภายในพรรคขณะนี้ยอมรับว่าถูกเพื่อนส.ส.และสมาชิกแอนตี้เป็นอย่างมาก ไม่มีการเรียกเข้าประชุม หรือพูดคุยกันเหมือนเดิม เพราะทุกคนมองว่าเราเป็นงูเห่า เราขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นงูเห่าและไม่เคยรับเงินใครเพื่อยกมือ เพราะว่าทุกการโหวตของเรา คือการเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่