'ประยุทธ์' ร่ายยาว! ซัดอนค.จุดพลุ 'เลิกเกณฑ์ทหาร' ย้ำชาติมั่นคงจึงมั่งคั่ง
เตือนไม่ใช่เวลามารณรงค์ เป็นสิ่งที่ผิด ลดความเข้มแข็ง-เสถียรภาพของประเทศ ย้ำความมั่นคงสำคัญที่สุด ยันระบบที่มีอยู่ เป็นทางเลือก เข้าเป็นทหารมีโอกาสได้เป็นนายพันเหมือนกัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ เสนอ พ.ร.บ. รับราชการทหารฯ ให้ใช้ระบบการสมัครใจแทนการเกณฑ์ทหาร ว่า อยากให้มองว่าทุกคนต้องมีจิตสำนึกในการเกณฑ์ทหาร ถ้าเสนอมาแบบนี้แล้วจะตอบได้อย่างไรว่าการมีส่วนร่วม และความมั่นคงของประเทศอยู่ตรงไหน เพราะเป็นหน้าที่ของชายไทยทุกคน และไม่ใช่ชายไทยทุกคนต้องมาเป็น เพียงแค่ขึ้นทะเบียนทหารกองเกินไว้ แต่ละคนยังมีทางเลือกอีก ถ้าทุกคนจบการศึกษา จบหลักสูตรนักศึกษาวิชาการ ( นศท.) ก็ไม่ต้องเกณฑ์ ขณะเดียวกันก็สามารถเข้ามาเป็นนายทหารได้ด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันกองทัพมียอดความต้องการทหารทั้งหมด 1 แสนกว่านาย และประมาณ 20-30 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ที่สมัครเข้ามาเป็นอยู่แล้ว ที่เหลือจึงใช้การเกณฑ์ทหาร จับใบดำ-ใบแดง เป็นทางเลือกที่มีอยู่หลายทางเหมือนกัน สิ่งเหล่านี้คือการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ทุกคนมีสิทธิ์ในการตัดสินตัวเอง ขอให้ทุกคนได้ร่วมมือกัน ถ้ายกเลิกไปแล้วอันตรายจะเกิดขึ้น เพราะใครจะมาทำหน้าที่ตรงนี้ การป้องกันประเทศไม่ได้มีแค่พลทหาร แต่มีนายทหาร นายสิบ เป็นผู้มีบทบาทนำในการปฏิบัติการสู้รบ จำเป็นต้องมีลูกชุด ลูกหมู่ ลูกหมวด ถ้ามีแต่เฉพาะนายทหาร นายสิบ จะทำอะไรสำเร็จได้บ้าง ก็ต้องมีลูกมือ มีแรงงานสำคัญที่ต้องผสมผสานกันในเรื่องของการฝึก การสู้รบ
รมว.กลาโหม กล่าวว่า สำหรับการฝึกสู้รบนั้น ไม่ใช่ฝึกแค่เดือนเดียวแล้วไปรบได้ ต้องใช้ระยะเวลาการฝึก 2 ปี และต้องคัดเลือกคนเวลาไปชายแดน บางคนเป็นทหารแล้วแต่ไปชายแดนไม่ได้ เพราะไม่เข้มแข็งพอแม้จะฝ่ายการฝึกตามเกณฑ์10 สัปดาห์ไปแล้วก็ตาม การคัดเลือกคนไปชายแดน หรือไปจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องเอาคนที่มีจิตใจรุกรบ ไม่เช่นนั้นพอมีเสียงปืนก็ทิ้งอาวุธหนีกันหมด ดังนั้นต้องใช้เวลาในการฝึกอบรม สร้างความมั่นใจเป็นเดือนๆ เป็นปีๆ ในการออกไปปฏิบัติหน้าที่แล้วให้เขาปลอดภัย นั่นเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่า หรือในกรณีที่ต้องใช้วิธีการจ้างทั้งหมด ก็ต้องใช้เงินจำนวนมากเท่าไหร่ เราพร้อมหรือยังที่จะมีเงินงบประมาณขนาดนั้น ต่างจากประเทศสหรัฐฯ ที่มีงบประมาณในการตอบแทนเงินเดือน และสวัสดิการมากพอ
สำหรับประเทศไทยมีหลายกองกำลัง มีทหารนอนอยู่ที่ชายแดนเป็นหมื่นนายในแต่ละวัน ถามว่าถ้าพลทหารมีน้อยจะได้หรือไม่ ซึ่งพลทหารเมื่อทำหน้าที่แล้วอยากจะรับราชการเขาก็สมัครเป็นนายสิบต่อไปได้ ในปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว พอเป็นนายสิบ ก็ขยับขึ้นเป็นนายทหาร เป็นพันโท พันเอก อยู่แล้ว
“ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาต่อสู้กันในขณะนี้ เป็นการรณรงค์ในสิ่งที่ผิด ผมถามประเทศรอบบ้านเรา เขาก็มีอยู่ทุกประเทศ ถ้าวันหน้ามีน้ำท่วม ภัยพิบัติ จะใช้กำลังพลจากไหน กองทัพมีคนที่มีระเบียบวินัย มียานพาหนะพร้อม อยู่ในค่าย เมื่อเกิดภัยพิบัติ ก็พร้อมออกไปช่วยเหลือประชาชนได้ทันที ต้องคิดในมุมกว้างๆ แบบนี้ ไม่เช่นนั้นก็ไปไม่ได้ทั้งหมด อะไรที่มีอยู่แล้วก็ทำให้มันดีต่อไป ไม่ใช่ยกเลิกทั้งหมด แล้วไปทำใหม่ทั้งหมด มันทำไม่ได้ทุกอย่าง ซึ่งเราก็แก้ปัญหามานานแล้ว ระบบนี้ก็สร้างมานานแล้ว ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 เราเข้มแข็งมาโดยตลอด แล้วเราจะไปลดความเข้มแข็งของเราได้อย่างไร เมื่อความมั่นคงคือพื้นฐานของเศรษฐกิจ ความมีเสถียรภาพ ความมั่นคงของประเทศที่มีอยู่ในปัจจุบัน”
รมว.กลาโหม กล่าวว่า การมาบอกว่าไม่มีการสู้นั้นก็ใช่ แต่ก็มีการกระทบกระทั่งกันอยู่ ทั้งทางเรือ บก อากาศ ปัญหาในทะเลจีนใต้ก็ยังมีอยู่ วันนี้ก็มียุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิคเข้ามาอีก ประเทศมหาอำนาจก็จะเข้ามา เราต้องสร้างสมดุลไว้ให้ได้ ดังนั้นเราต้องมีกำลังพลที่เข้มแข็ง มีการหารือในระดับของอาเซียน ในระดับ รมต.กลาโหม ถ้าเราไม่มีความพร้อมเหล่านี้ การฝึกร่วมทางทหารก็เข้าร่วมกับเขาไม่ได้ แล้วเราจะอยู่อย่างไรในโลกใบนี้ ตนฝากไว้ด้วยกับคนที่คิดเรื่องเหล่านี้ ว่าจะทำอย่างไรจะแก้ไขปัญหานี้ได้ เมื่อถามว่า การณรงค์เรื่องนี้ถือว่ากระทบความมั่นคงหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่ามาถามเลย เท่าที่ตนพูดทั้งหมด ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่ากระทบหรือไม่ ความมั่นคงและเสถียรภาพของประเทศสำคัญที่สุด สำคัญกว่าอย่างอื่นด้วยซ้ำไป ถ้าตรงนี้ไม่สงบ บ้านเมืองตีกันไป ตีกันมา วุ่นวายทั้งการเมือง ความมั่นคงก็กระทบไปหมด แล้วใครอยากจะมาคบค้าสมาคมกับเรา ทั้งที่เรามีโอกาส ศักยภาพมากมาย เราไม่ร่วมมือกัน ทำอะไรก็ตำหนิไปหมด ถามว่าสิ่งที่ท่านตำหนิอยู่นั้นท่านเคยทำมาหรือไม่ ซึ่งท่านก็เคยทำมา รัฐบาลนี้ก็ได้ทำสิ่งใหม่ๆ เหมือนกัน เช่นการสร้างความเข้มแข็ง การนำคนมาฝึก มาเรียนรู้ออนไลน์ก็ทำหมด เรื่องพัฒนาแรงงานก็มี