ป่าไม้-สปก.เกี่ยงเอาผิด‘ปารีณา’

ป่าไม้-สปก.เกี่ยงเอาผิด‘ปารีณา’

“ป่าไม้-ส.ป.ก.”ไร้ข้อสรุป หาเจ้าภาพเอาผิดอาญาปารีณา “วิษณุ” หารือกฤษฎีกา ขณะที่อธิบดีอัยการ ชี้ครอบครองที่ดินรัฐโดยไม่มีสิทธิ หากจนท.รัฐไม่ดำเนินคดี ต้องโทษฐานละเว้น “ศรีสุวรรณ”แถลงซัดวิษณุไม่ใช่ศาล “เรืองไกร”บี้ซ้ำ ปูดข้อมูลบริษัทจ่อผิดพรบ.จัดการน้ำ

จากกรณีการถือครองที่ดินของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ล่าสุด วานนี้(11 ธ.ค.) ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ถ.ราชดำเนิน มีการประชุมร่วมกัน ระหว่างฝ่ายกฎหมายของทั้งกรมป่าไม้ นำโดยนายธวัชชัย ลัดกรูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ และฝ่ายกฎหมายของ ส.ป.ก. ที่นำโดยนายนภดล ตันติเมฆิน ผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย ส.ป.ก. เพื่อหารือกรณีการคืนที่ดินส.ป.ก. 682 ไร่ ของน.ส.ปารีณา​​ เพื่อสรุปว่า ใครจะเป็นเจ้าภาพในการดำเนินคดีอาญาในที่ดินผืนดังกล่าว ท่ามกลางการจับตามจากสังคมว่า รัฐจะดำเนินคดีกับน.ส.ปารีณา ด้วยมาตรฐานเดียวกับที่กระทำกับชาวบ้านหรือไม่ 

หลังสิ้นสุดการประชุม นายธวัชชัย ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบที่ดินของน.ส.ปารีณา จากกรมป่าไม้ ออกมาเปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้ยังไม่มีข้อสรุป มีเพียงมติให้ทาง ส.ป.ก.เร่งทำหนังสือถึง น.ส.ปารีณา ให้ส่งคืนที่ดินโดยต้องไม่มีการระบุเงื่อนไข ภายใน 7 วัน จากนั้น กรมป่าไม้ จึงจะมาหารืออำนาจจัดการตามกฎหมายอีกครั้ง เนื่องจากยังต้องรอดูรายละเอียดในหนังสือที่น.ส.ปารีณา ส่งกลับมาว่ามีข้อมูลและเนื้อหารายละเอียดอย่างไร เช่นเดียวกับประเด็นรายละเอียดข้อกฎหมายและระเบียบยังไม่ได้ข้อยุติ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า กรมป่าไม้จะดำเนินการตามมาตรฐานด้วยความรอบคอบ แต่ต้องรอความชัดเจนจากทาง ส.ป.ก. ด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(เลขาธิการ ส.ป.ก.) จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ ว่าที่เลขาคณะกรรมการกฤษฎีกา จากกระทรวงยุติธรรม เดินทางเข้าหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อหาข้อยุติในกรณีที่ดินของน.ส.ปารีณา  โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง 

จากนั้น นายอรรถพล ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่กรมป่าไม้ - ส.ป.ก. ร่วมหารือในเรื่องสถานภาพพื้นที่ และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับที่ดินผืนดังกล่าวในช่วงเช้า ต่อมาวันเดียวกันนายวิษณุ ได้เชิญมาหารือกรณีเดียวกันในประเด็นข้อกฎหมาย โดยมีการพูดคุยถึงการคืนที่ดิน และการพิจารณาสถานภาพของพื้นที่เดิมเป็นไปตามกฎหมายใด ก็ต้องว่าไปตามกฎหมายนั้น ซึ่งที่ผ่านมาอาจมีความคลาดเคลื่อน จึงต้องมาคุยกันในข้อกฎหมายกับทางคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย ว่าตามสถานภาพของพื้นที่แล้วจะยึดหลักการพิจารณาดำเนินการอย่างไร 

วิษณุวาง3แนวทางหาเจ้าภาพ

โดยมี 3 ประเด็นที่ต้องพิจารณา 1.คำจำกัดความว่า พื้นที่นั้นๆ ได้เข้าไปดำเนินการ กิจกรรม หรือจัดรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกาปฏิรูปที่ดินแล้วหรือไม่ 2. สมมติว่า ถ้ามีการทำผิดแล้วสถานภาพพื้นที่กลับมาเป็นพื้นที่เดิม คือ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ควรจะดำเนินอย่างไร และ 3.หากมีการดำเนินคดี ใครจะเป็นหน่วยงานหลัก ซึ่งตรงนี้ ได้ข้อยุติพอสมควร แต่ขอให้รอความเห็นกฤษฎีกา 

“นายวิษณุ พูดถูกแล้วว่าให้คืน ถ้าจะต้องบังคับใช้กฎหมายก็ต้องใช้ ไม่ใช่คืนที่ไปแล้วไม่ผิด แต่อาจมีการสื่อสารคลาดเคลื่อน ท่านไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่กระบวนการคืน เป็นการคืนตามพ.ร.บ.ปฏิรูปที่ดิน แต่ที่ดินตรงนั้นมีสถานภาพอย่างไรต้องดูกฎหมายด้วย” นายอรรถพล กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ในการเอาผิดทางอาญากับน.ส.ปารีณา นายอรรถพล กล่าวว่า ขอรอความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งไม่น่าจะนาน เพราะได้ทำหนังสือไปแล้ว ถ้าให้ความเห็นว่า เข้าหลักเกณฑ์การบังคับใช้กฎหมาย กรมป่าไม้ก็พร้อม แต่หากความเห็นออกมาในทางตรงข้ามกับสิ่งที่กรมป่าไม้เคยไปแจ้งความดำเนินคดี ก็ต้องเคารพความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา แต่พื้นที่ 46 ไร่ที่รุกป่านั้น มีความผิดฐานเดิมอยู่แล้ว ดำเนินคดีไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เกี่ยวกับ พื้นที่ส.ป.ก.

 

อธิบดีอัยการชี้รุกที่รัฐผิดเต็มประตู

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี ได้ยกข้อกฎหมายตามแนวคำพิพากษาของศาลฎีกา เมื่อปี 2558 โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว ระบุว่า ในขณะที่ผู้ร้องกระทำความผิดคดี ผู้ร้องจึงยังไม่เป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเกิดเหตุ การจัดสรรที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินยังไม่เสร็จสิ้น ที่ดินเกิดเหตุจึงยังมีสภาพเป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติ การกระทำของผู้ร้องจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507 แม้ต่อมา ผู้ร้องจะได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งรวมถึงที่ดินเกิดเหตุ ก็เป็นเพียงทำให้การครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินของผู้ร้องนับแต่วันที่ได้รับอนุญาตไม่เป็นความผิดต่อกฎหมาย แต่ไม่มีผลเป็นการลบล้างการกระทำความผิดก่อนหน้าที่ผู้ร้องจะได้รับอนุญาต

สรุปข้อกฎหมายได้ว่า ถ้าเข้าไปครอบครองที่ดินผู้อื่น โดยที่เรา “ไม่มีสิทธิ” ยังไงเสียก็เป็นความผิดฐานบุกรุก ถ้าที่ดินนั้นเป็นของเอกชน ก็เป็นความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา ่ถ้าเป็นที่ดินของรัฐในเขตป่าไม้ก็เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้  ถ้าเป็นที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ก็เป็นความผิด ตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507 แต่ถ้าผู้มีหน้าที่ดูแลที่ดินของรัฐ ไม่ดำเนินคดีอาญาแก่ผู้กระทำความผิด ก็จะมีความผิดฐานละเว้น 

“ส่วนผู้ใหญ่ที่พูดอาจโดยข้อหาสนับสนุน ร่วมด้วยช่วยกัน อย่าช่วยกันจนออกนอกหน้าเลยครับ เพราะไม่ใช่ที่ดินของเอกชนที่จะดำเนินคดีก็ได้ ไม่ดำเนินคดีก็ได้ ขอร้องเถอะครับ แล้วอย่าลืมเรียกค่าเสียหายตามมูลละเมิดด้วยนะขอรับ” นายปรเมศร์ กล่าว  

คุ้ยบริษัทจ่อเอาผิดพ.ร.บ.น้ำ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ถึงนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้ตรวจสอบกรณีต่อเนื่องกับที่ดิน ภ.บ.ท. 5 ของน.ส.ปารีณา หรือ บริษัท ปารีณา ไกรคุปต์ จำกัด ที่ได้มีการดำเนินการให้เป็นไปตามความใน พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 หมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำหรือไม่ จากข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุไว้ว่า บริษัทปารีณา ฯ จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2561 แจ้งสถานะนิติบุคคล ยังดำเนินการอยู่ มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ทำธุรกิจการเลี้ยงไก่ไข่ โดยประกอบกิจการฟาร์มไก่และรับจ้างเลี้ยงไก่ ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติในพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 ตามมาด้วย

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.2561 บริษัทปารีณาฯ ขอแก้ไขเพิ่มเติมสำนักงานแห่งใหญ่และสำนักงานสาขา โดยแจ้งว่า ที่อยู่สำนักงานแห่งใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.3 ต.บางโตนด อ.โพธาราม และแจ้งที่อยู่สำนักงานสาขา ตั้งอยู่ ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง ซึ่งได้รับการจดทะเบียนแล้วเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2561

ขอให้นายกฯ ตรวจสอบกรณีต่อเนื่องกับที่ดิน ภ.บ.ท.5 ของน.ส.ปารีณา ว่าได้มีการดำเนินการให้เป็นไปตามความในพ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 หมวด 4 การจัดสรรน้ำและการใช้น้ำหรือไม่ และจะมีการกระทำใดที่เข้าข่ายความผิด ตามความในหมวด 9 บทกำหนดโทษหรือไม่” นายเรืองไกร กล่าว

 ศรีสุวรรณลุยเอาผิดส.ส.-ส.ว.

ขณะที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง “วิษณุไม่ใช่ศาล : กฎหมายต้องมีหลักเดียว คือ ทำผิดแล้วต้องถูกลงโทษ ไม่เลือกปฏิบัติ” เพื่อคัดค้านแนวคิดของนายวิษณุ ที่ออกมาระบุกรณีน.ส.ปารีณา รุกที่ส.ป.ก. หากมีการส่งคืนแล้วถือว่าไม่ผิดนั้น ทางสมาคมฯขอยืนยัน ว่า “กฎหมายมีหลักการเดียวกันหมด” ไม่มี การเลือกปฏิบัติ

ทางสมาคมฯ จะร้องเรียนต่อ เลขาธิการ ส.ป.ก. เพื่อดำเนินคดีต่อ น.ส.ปารีณา และ ส.ส. ส.ว.อื่นๆ ที่ยึดถือครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.ไว้โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมายต่อไป ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ เวลา 10.30 น.

 

นายกฯย้ำนักการเมืองรุกที่ ต้องยึดกม.

ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการถือครองที่ดินตาม ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก.ของนักการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นกับ น.ส.ปารีณา ว่า ทุกอย่างทั้งการถือครอง ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก.ต้องเป็นไปตามหลักฐานและข้อเท็จจริงโดยพื้นฐานของกฎหมาย ซึ่งมีกฎหมายอยู่หลายตัว

“มาตรา 44 ไม่ได้เสียหายอะไร ผมเคยบอกว่าอย่าใช้คำว่าทวงคืน ใช้อย่างอื่นได้มั๊ย วันนี้ถ้าเราไม่มีตรงนี้ออกมาในตอนนั้น ซึ่งจากการบุกรุกป่าเกิดขึ้นเป็นแสนไร่ แต่ปัจจุบันลดลงเหลือประมาณหมื่นไร่หรือน้อยกว่านั้น เพราะมาตรการเหล่านี้ยังอยู่ แต่ปัญหาต่อไปคือต้องดูว่าเมื่อเรายึดมาแล้วจะเอาไปทำอะไร ซึ่งกำลังเป็นประเด็นอยู่ในสังคม ผมกำลังให้ไปดูอยู่ว่า มีอีกกี่ราย เอารายอื่นมาดูด้วย เพื่อเปรียบเทียบหาแนวปฏิบัติที่ชัดเจน แต่ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยกฎหมายทั้งหมด” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้เราเอาพื้นที่ป่าคืนมาได้แล้ว โดยขณะนี้เรามีป่าเพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนกว่าไร่ เราเอาพื้นที่ป่ามาแล้ว 7 แสนกว่าไร่ ส่วนใหญ่ก็เป็นของนายทุนทั้งหมดที่ผิดกฎหมาย ก็ว่ากันไปตามกฎหมายก็แล้วกัน

ประวิตรเมินกระแสสังคม อุ้มปารีณา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีปัญหาที่ดิน ของน.ส.ปารีณาไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่มีการวิจารณ์ว่าได้รับการช่วยเหลือว่า ไม่ทราบแล้วแต่เขา เป็นเรื่องของเขาที่จะดำเนินการ ส่วนที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น ตนก็ไม่ทราบ ตนไม่ใช่ฝ่ายค้าน คงตอบอะไรไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลสามารถชี้แจงได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่รู้แล้วแต่ แล้วแต่สื่อ ตอบอย่างไรก็ตอบไปเลย” และเมื่อถามย้ำว่าเรื่องดังกล่าวถูกมองว่าเป็นเรื่องของจริยธรรมการเมือง ที่ควรแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่รู้เลยเขายังไม่ได้ผิดอะไร จะไปรับผิดชอบอะไร ส่วนที่กระแสสังคมกดดันก็เรื่องของกระแสสังคม

ธรรมนัสพร้อมแจงสภาฯ ปมปารีณา

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.ของ น.ส.ปารีณา ว่าไม่กังวลอะไรและพร้อมชี้แจงในสภา ยืนยันว่าสิ่งที่ทำมาตลอดไม่ใช่เฉพาะกรณีของน.ส.ปารีณา เท่านั้น แต่กรณีอื่นๆ ก็ต้องถูกบังคับตามกฎหมายในมาตรฐานของส.ป.ก.เดียวกัน หลายๆ ฝ่ายก็โดนกันหมด

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้เลขาธิการ ส.ป.ก. เข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย เพื่อรายงานการปฏิบัติงานตามขั้นตอนกฎหมายปฏิรูปที่ดิน กรณีน.ส.ปารีณา ยินยอมคืนพื้นที่ส.ป.ก. 682 ไร่ ให้กับส.ป.ก.ไปดำเนินการกระจายสิทธิ ให้กับผู้ยากไร้ ตามคุณสมบัติของกฎหมายส.ป.ก.