'ประวิตร' ขอนอน ไมร่วม เดิน-วิ่ง ไล่-เชียร์ ลุง
"ประวิตร" ลั่น ไม่วิ่ง ไม่เดิน ไล่-เชียร์ลุง ขอนอน อย่างเดียว ยืนยัน ไม่เป็นชนวนสร้างความแตกแยกสังคม พร้อมประเมินสถานการณ์ทางการเมืองไม่น่าห่วง มองภัยแล้งน่าห่วงที่สุด
เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นผู้ตอบคำถามสื่อมวลชนหลังประชุมคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า มีภารกิจในช่วงเวลา 14.15 น. ซึ่งต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ระบุถึง สถาการณ์ข้อพิพาทอิหร่าน-ไทย ได้มีการสั่งการให้เหล่าทัพ และกระทรวงต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ว่าจะมีผลกระทบอย่างไรกับประเทศไทยบ้าง ซึ่งประเทศไทยได้เตรียมการไว้ในทุกเรื่อง โดยให้เฝ้าระวังสถานทูต บ้านทูตต่างๆ ให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และอำนวยความสะดวกรวมถึงรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานทูตสหรัฐ รวมทั้งสถานทูตอิหร่าน สำหรับเรื่องของความเชื่อมั่นของประเทศไทยหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ทางกระทรวงพลังงานจะดำเนินการในเรื่องของน้ำมันเชื้อเพลิงและมีการเตรียมการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในเรื่องของการใช้พลังงานต่างๆ เพราะยืนยันว่ามีการเตรียมการไว้ในทุกเรื่องแล้ว
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ยังปฏิเสธการตอบคำถามถึงกรณีที่ดินของ พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา บิดาของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ตนจึงไม่ทราบในรายละเอียด ส่วนกรณีเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงรถยนต์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ติดตาม ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบสาเหตุ และเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามต่อไป และขณะนี้เองยังไม่ได้รับการรายงานเพิ่มเติม เนื่องจากตนประชุมคณะรัฐมนตรีเพิ่งเลิก และเป็นเรื่องของตำรวจให้ตำรวจว่ากันไป ซึ่งขณะนี้เองยังไม่ได้มีการพูดคุย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ แต่อย่างใด และจะมาคุยกับตนเรื่องอะไร ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับงานที่มีความเสี่ยงหรือไม่นั้น ตนไม่รู้ต้องไปถามตัว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เอง ส่วนเรื่องสถานการณ์ภัยแล้งของประเทศ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเตรียมการเรื่องของภัยแล้ง ในการขุดบ่อบาดาลหาน้ำใต้ดินและบนดินเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขุดบ่อน้ำบาดาลด้วยการของบประมาณกลางกว่า 3,000 พันล้านบาท ที่ได้มีการอนุมัติงบประมาณในวันนี้ ช่วยเหลือชาวบ้านกว่า 500 บ่อ แล้วจะเริ่มดำเนินการเริ่มขุดในวันพรุ่งนี้ โดยจะมอบหมายให้หน่วยงานทหารกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. บูรณาการทำงานร่วมกัน
ด้านกรณีการวิ่งไล่ลุงและเดินเชียร์ลุง พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ตนวิ่งไม่ไหวและบอกไปหลายครั้งแล้ว เดินก็ไม่ไหว ตนไม่วิ่งไม่เดิน แต่นอน พร้อมกับยังระบุอีกว่าจะไม่เดินทางไปร่วมเดินเชียร์นายกรัฐมนตรีและฝ่ายใดทั้งนั้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีบอกไปแล้วเมื่อวานว่าให้หยุดทั้งสองฝ่าย และทุกคนก็ต้องปฏิบัติตามที่นายกรัฐมนตรีบอก รวมไปถึงนักข่าวก็ต้องช่วยเหลือนายกรัฐมนตรี ตนมองว่าไม่เกิดสถานการณ์อะไรทั้งนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อนุญาตได้บอกทั้งสองฝ่ายแล้วว่าห้ามโฆษณาชวนเชื่อ แต่ให้วิ่งได้อย่างเดียว หากไม่วิ่งเฉยๆ ก็ถือว่าผิดข้อตกลง พร้อมกับเน้นย้ำว่าวิ่งได้แต่อย่าทำให้ปั่นป่วนหรือผิดกฎหมาย
ส่วนจะเป็นฉนวนสร้างความแตกแยกหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ไม่เป็นชนวนในการสร้างความแตกแยก ทุกอย่างยุติแล้วเรื่องชนวนความแตกแยก เพราะทุกวันนี้นำพาประเทศเดินไปข้างหน้าด้วยกัน เพราะฉะนั้นความแตกแยกไม่มี ส่วนจังหวัดสั่งห้ามการจัดกิจกรรมวิ่งไล่ลุงนั้น เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่
ด้านการตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่ ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคในวันที่ 21 มกราคม ว่าจะมีความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะมีความวุ่นวายอย่างไร ตนไม่เห็นมีเลย เป็นเรื่องของศาลจะมาถามตนได้อย่างไร ยืนยันว่าไม่มีเรื่องความไม่พอใจทุกอย่างต้องว่าไปตามกฎหมาย กฎหมายว่าผิดก็ผิดกฎหมายว่าถูกก็คือถูก
ส่วนกระแสข่าวของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยลาออก จะมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ให้ไปถามคุณหญิงสุดารัตน์ ตนไม่ใช่คุณหญิงสุดารัตน์ ส่วนที่ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เป็นเรื่องที่พูดเองว่าจะมาร่วม เขาจะมาได้อย่างไร เขาไม่มาหรอก ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ตนไม่รู้ ขอให้ผู้สื่อข่าวไปคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ก่อน แต่ยืนยันว่า ตนไม่ได้มีการทาบทามแต่อย่างใด ยังระบุชัดเจนว่า ใครจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ขอให้ประเทศชาติสงบ ใครจะอยู่อย่างไรก็ได้ ประเทศชาติต้องสงบ เดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ ให้มีความก้าวหน้าในประเทศชาติของเราให้ดี ประชาชนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ถ้ามีความสามัคคีกันก็พอแล้ว ใครอยู่ที่ไหนก็ได้เหมือนกัน
ส่วนให้ประเมินว่าสถานการณ์ใดน่าเป็นห่วงมากที่สุด พล.อ.ประวิตร ระบุว่า สถานการณ์ภัยแล้งเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงที่สุด แต่ถ้าเป็นทางการเมือง ตนจะรู้ได้อย่างไร ตนไม่รู้ เพราะตนเป็นนักการเมืองใหม่เอี่ยม ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ภาคใต้ ถูกจับ 7 นายเนื่องจากยักยอกของกลาง และเรียกรับผลประโยชน์คดียาเสพติด ในพื้นที่อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ว่า ทุกอย่างต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนและระเบียบ โดยจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้ง 7 นาย และจะต้องคณะกรรมการสอบสวนเพื่อสอบสวนว่าผิดหรือถูก หากผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก ซึ่งเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตำรวจ พบการกระทำความผิดต้องถูกลงโทษอย่างหนัก ขออย่าห่วงเพราะทำตามระเบียบ ทำตามกฎหมายที่มีอยู่ พร้อมเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องยึดถือ