ฝ่า 'เคอร์ฟิว' ตีกลับหลังคลายล็อก ยอดจับรายคืนไม่ลด ตั้งวงเหล้ามากสุด 45%

มาตรการผ่อนปรนคลายล็อก ส่งผลคดีฝ่าเคอร์ฟิวไม่ลด โฆษก ศบค. ระบุตั้งวงเหล้ามากสุด ร้อยละ 45 ชี้เปิดขายสุรา เหตุมั่วสุมเสี่ยงโรค ตร.สรุปยอดผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินคืนวันที่ 5 พ.ค. 753 ราย ด้านผู้ว่าฯพะเยาสั่งตั้งชุดเฉพาะกิจตระเวนจับปรับ 24 ชม.

หลังจากรัฐบาลคลายล็อกมาตรการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเฟสแรก เพื่อประเมินผลในการคลายล็อกเพิ่มเติมในเฟสสอง หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ลดลง แต่สถานการณ์ผู้ฝ่าฝืนข้อปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงการฝ่าฝืนเคอร์ฟิวกลับยังเป็นปัญหาเสี่ยง ทำให้กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้ทุกจังหวัดพิจารณามาตรการที่เข้มงวดเช่นเดิม โดยเฉพาะตามสถานบริการ และร้านต่างๆ

ล่าสุด น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยสถิติ การกระทำความผิดของวันที่ 6 พ.ค.2563 ว่า พบการชุมนุมมั่วสุม 104 ราย เพิ่มขึ้น 6 ราย ออกนอกเคหสถาน 699 ราย เพิ่มขึ้น 32 ราย อันดับหนึ่งของการชุมนุมมั่วสุม คือ การดื่มสุรา 45% รองลงมาคือ เล่นพนัน 20% และอื่นๆ 18% คือการดื่มสุรายังเป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ พอยิ่งเปิดให้ขายสุราได้ ท่านก็เอาโอกาสนี้มาทำให้เกิดการชุมนุมมั่วสุม และผิดกฎหมาย

ส่วนมาตรการตรวจของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ประจำวันที่ 5 พ.ค.จากการตรวจจำนวน 12,996 กิจกรรมกิจการ พบว่า ปฏิบัติตามมาตรการ 12,547 กิจกรรมกิจการ และไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 449 กิจกรรมกิจการ ถือว่าคนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการมีจำนวนลดลง เมื่อแยกตามกิจกรรมและกิจการ พบว่า ร้านอาหารเครื่องดื่มให้ความร่วมมือดีมาก ตรวจ 4,559 กิจการ ปฏิบัติตามมาตรการ 4,403 กิจการ และไม่ปฏิบัติตามมาตรการเพียง 156 กิจการ

ด้านซูเปอร์มาร์เก็ต สินค้าจำเป็น ในห้างสรรพสินค้า ตรวจ 541 กิจการ ปฏิบัติตามมาตรการ 526 กิจการ และไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 15 กิจการ มีการกระทำความผิดเพิ่ม 1% จึงอยากจะให้ช่วยกันทำให้ดี เพื่อให้เรามีความปลอดภัย และควบคุมโรคได้ในที่สุด

คืนเดียวจับฝ่าเคอร์ฟิว 753 คน

วันเดียวกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สรุปยอดผู้ฝ่าฝืนพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในคำสั่งประชาชนออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ทั่วราชอาณาจักร โดยคืนวันที่ 6 พ.ค.ตำรวจได้ตรวจค้นบุคคล รวม 29,349 ราย และยานพาหนะ รวม 22,115 คัน จับกุมผู้ฝ่าฝืนได้ รวมทั้งสิ้น 753 คน ประกอบด้วยผู้ออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุอันควร 649 ราย และรวมตัวมั่วสุมในเคหสถานเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ รวม 104 ราย

โดยสาเหตุของการออกนอกเคหสถาน 3 อันดับแรก ได้แก่ ออกมาทำธุระ ร้อยละ 35 อื่นๆ ร้อยละ 29 และเดินทางกลับที่พัก ร้อยละ 24 มีผู้ถูกตักเตือน 50 คน และถูกดำเนินคดี 649 คน ส่วนสาเหตุการชุมนุม มั่วสุม ในเคหสถาน 3 อันดับแรก ได้แก่ ดื่มสุรา ร้อยละ 45 ลักลอบเล่นการพนัน ร้อยละ 20 และอื่นๆ ร้อยละ 18 มีผู้ถูกดำเนินคดี 104 คน

ทั้งนี้จังหวัดที่มีสถิติการจับกุมผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีออกนอกเคหสถาน สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต 55 คน จังหวัดปทุมธานี 54 คน และ ราชบุรี 31 คน สำหรับผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

ตร.ชลบุรีจับมั่วสุมวงเหล้า-จัดปาร์ตี้

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ประเสริฐสุข เฮงสุวรรณ์ ผกก.สภ.นาจอมเทียน สนธิกำลัง เข้าตรวจสอบที่บ้านเช่าเลขที่ 333/40 หมู่บ้านนาคาวารี หมู่ที่ 1 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี หลังได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีการรวมกลุ่มดื่มสุรา และส่งเสียงดัง ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ตรวจสอบพบนายพฤหัส ตามภานนท์ อายุ 37 ปี แสดงตัวเป็นผู้เช่าบ้านพักหลังดังกล่าว ตรวจสอบภายในบ้านบริเวณชั้นล่างของบ้านไม่พบผู้เข้าพัก จึงได้สอบถามทราบว่าผู้เข้าพักทั้งหมดต่างแยกย้ายกันขึ้นห้องพักเพื่อพักผ่อนหมดแล้ว

โดยมีผู้เข้าพักทั้งหมด 9 คน โดยแบ่งกันพักอาศัยหลับนอนแต่ละห้อง เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญผู้เข้าพักภายในบ้านมาตรวจสารเสพติดเบื้องต้น พบมีผลตรวจปัสสาวะมีสารเสพติดในร่างกาย จำนวน 2 คน ทางเจ้าหน้าที่จึงทำการแยกดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และจากการตรวจสอบพบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวน 4 ขวด และน้ำอัดลมพร้อมอาหารตั้งอยู่บนโต๊ะ ภายในตู้เย็นยังพบเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อีกจำนวนหลายขวดเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกภาพทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาเจ้าของบ้านหรือเจ้าของสถานประกอบกิจการให้เช่าพัก ได้เดินทางมายังบ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจสอบทราบชื่อต่อมาคือ นางปิยนุช อายุ 35 ปี ชุดจับกุมจึงได้แจ้งรายละเอียด ให้ทราบพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ ว่ากระทำผิดฐานเปิดโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรีฉบับที่ 7/2563 ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนต่อไป

ผู้ว่าฯพะเยาจัดชุดฉก.สุ่มตรวจวงเหล้า

นายกมล เชียงวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือเร่งด่วนสุดๆ จากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 กระทรวงมหาดไทย ลงนามโดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชน หลังจากที่ได้มีการผ่อนผันการบังคับใช้ มาตรการในการป้องกันและการแพร่ระบาดของโรคโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ล่าสุดได้มีประชาชนแต่ละสาขาอาชีพ ได้เข้าใช้บริการในสถานประกอบการ และสถานที่ที่ได้รับการผ่อนคลาย เช่นการรับประทานอาหารในร้านอาหาร- การซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงสิ่งของบริโภคและอุปโภคครบวงจรนับหลายรายการ

โดยทางจังหวัดได้ส่งหนังสือเร่งด่วนสุดๆ ไปยังนายอำเภอ,ผู้นำท้องถิ่น-นักการเมืองส่วนท้องถิ่น ให้จัดสถานที่หรือจัดโซนนิ่งเช่น 1.จัดระเบียบแนวทางการปฏิบัติของสถานประกอบการ/สถานที่ ที่ได้รับการผ่อนคลายให้ดำเนินการ หรือกิจกรรมในพื้นที่แล้วได้กำชับให้ผู้ประกอบการ ผู้จัดการสถานที่ ว่าเป็นหน้าที่ของผู้ประกอบการ/ผู้จัดการสถานที่ ที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรค ที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด หากว่าพบมีผู้ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ อาจมีความผิดตามกฎหมาย และถูกสั่งปิดสถานประกอบการสถานที่นั้นๆ

2.ได้มีการประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือจากประชาชน ทุกสาขาอาชีพที่เข้าใช้บริการสถานประกอบการ/สถานที่ ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค ที่ทางการได้กำหนดไว้แล้วนั้นเคร่งครัด และ 3.ได้กำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องให้กำกับติดตาม พร้อมบังคับใช้มาตรการในการ ป้องกันและการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในด้านการปฏิบัติงานเชิงลึก(ลับ) ได้มีการตั้งชุดเฉพาะกิจเคลื่อนที่เร็ว 24 ชั่วโมง ให้ตระเวนสุ่มตรวจเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่องในพื้นที่พะเยารวม 9 อำเภอ

โคราชส่งชุดเคลื่อนที่เร็วคุม6กิจการ

นายจรัสชัย โชคเรืองสกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า จังหวัดนครราชสีมาได้ปล่อยแถวชุดปฏิบัติการ ออกตรวจติดตามการปฏิบัติตามแนวทางเว้นระยะห่างทางสังคม ตามสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรนมาตรการใน 6 กิจการ/กิจกรรมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อควบคุมให้มีการปฏิบัติตามแนวทางเว้นระยะห่างทางสังคม ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่สั่งการให้มีการคุมเข้มสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรนมาตรการ

โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ออกเป็น 6 ชุด 6 สาย ออกปฏิบัติการคุมเข้มตามมาตรการของทางจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ตลาดนัดไนท์บ้านเกาะ ต.หมื่นไวย ร้านเสริมสวย ร้านอาหาร และสนามกีฬา ในเขตเมืองนครราชสีมา

ทั้งนี้ชุดเจ้าหน้าที่ได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการ ร้านค้า ผู้ดูแลสถานที่ และประชาชนทั่วไปที่มาใช้บริการ ให้ปฏิบัติตามแนวทางด้านสาธารณสุขเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดอย่างเคร่งครัด ซึ่งหากมีการตรวจพบว่าสถานที่ใดไม่มีการปฏิบัติตามหรือปล่อยปละละเลย ทางจังหวัดจะดำเนินการสั่งปิดสถานที่ดังกล่าวทันที