ทักษิณ ตั้ง 'พรรคใหม่' สู้ พปชร. ผุด 'พรรคสาขา'
การเมืองไทยหลังสถานการณ์ โควิด19 ก็ยังคงเป็นการเมืองไทย แบบก่อน โควิด19 แม้มีความคาดหวังให้เปลี่ยนแปลงสู่ New Normal ชีวิตวิถีใหม่ หรืออะไรที่เป็นแนวทางรูปแบบใหม่ก็ตาม
เมื่อการเมืองก็ยังคงเป็นแบบเก่า ที่ยังขับเคี่ยว โจมตีไปมา แย่งชิงอำนาจ ผลประโยชน์ โดยเฉพาะการรวมกลุ่ม เพื่อต่อรองทางการเมือง โดยเฉพาะกับกรณีการเตรียมตั้งพรรคใหม่ อดีตคน “ไทยรักไทย” นำโดย “จาตุรนต์ ฉายแสง-นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี-นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช-ภูมิธรรม เวชชยชัย”
พลิกแฟ้มประวัติ แต่ละคนถือเป็นมือเป็นไม้ และคลังสมองให้ “ทักษิณ ชินวัตร” จนประสบความสำเร็จในการเป็น “นายกรัฐมนตรี” ขวัญใจคนรากหญ้า ด้วยชุดนโยบายประชานิยม และเก่งกลยุทธ์การตลาด
จน “ทักษิณ” ถูกขนานนามว่า เป็น “นายกฯ” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของ “พรรคใหม่” ที่ว่านั้น น่าจับตาว่า จะมีไม้เด็ดอะไรให้ประชาชนได้เห็นถึงความแตกต่าง เช่น นโยบายแบบคิดใหม่ทำใหม่ ที่เคยประสบความสำเร็จในอดีต รวมไปถึงการวางหมาก แก้เกม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีเสียงสนับสนุนในมือถึง 250 เสียงจากวุฒิสภาเพื่อให้ ‘บิ๊กตู่’ กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง
การแก้สมการการเมืองในครั้งนี้ของคน “ไทยรักไทย” ต่อผู้กุมอำนาจ นับว่าท้าทาย ที่สำคัญจะทำอย่างไรให้กวาดคะแนนอย่างถล่มทลาย ในการเลือกตั้ง หรือรวมเสียง ส.ส.เกิน 375 เสียง พอที่จะล้มขั้วอำนาจเดิมลงได้ นั่นเป็นโจทย์หิน
ถึงอย่างนั้นก็ตาม ต้องยอมรับว่า คนไทยรู้สึกเบื่อง่าย และชอบลองสิ่งใหม่ๆ นั่นอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่คนกลุ่มนี้คิดจะตั้งพรรคใหม่ เพราะรับรู้ หรือเห็นช่องอะไรบางอย่าง และคิดสกัด “พล.อ.ประยุทธ์” อย่างเต็มกำลัง ตามวิถีและกติกาทางการเมือง เพื่อไม่ให้อยู่ในอำนาจได้ยาวและง่ายดายอย่างที่ต้องการ
การเปิดหน้า เปิดตัว ในจังหวะนี้ คงมั่นใจอะไรบางอย่าง เพราะที่ผ่านมาคนอย่าง “หมอมิ้ง” หรือ “นพ.พรหมินทร์” เลือกเก็บตัวเงียบมาตลอด ตั้งแต่ “รัฐประหาร” 19 ก.ย.2549 ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าบุรุษหมอคนนี้ เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก
หรือเที่ยวนี้ “ทักษิณ” ไฟเขียว เปิดก๊อกท่อน้ำเลี้ยง จากดูไบไหลเข้า “พรรคใหม่” อีกหน หลังจาก “เลือกตั้ง” ใหญ่ครั้งก่อน กระสุนไม่พรั่งพร้อม เพราะเห็นว่าทุ่มสู้ไปก็สูญเปล่า ไม่ชนะอยู่ดี
ทว่าคราวนี้ อาจต่างไป ระดับ “ยี่ห้อแม้ว” น่าจะมีอะไรให้เซอร์ไพร์ส
ส่วนฟาก “พลังประชารัฐ” เริ่มมีข่าวตั้งพรรคใหม่เช่นกัน โดยมีกระแสข่าวว่า “อุตตม สาวนายน” กับพวกจะไปตั้ง “พรรคสร้างไทย” นั้น ก็คงถูกปล่อยข่าวให้สับสน เผลอๆ คนปล่อยอาจจะไม่ใช่ศัตรูขั้วตรงข้ามในพรรคก็ได้
ก่อนหน้านี้ บางคนที่เคยออกอาการน้อยใจ ช่วงฟอร์ม ครม. ได้ซุ่มจัดแจงบ้านใหม่ไว้เรียบร้อย มีชื่อแซ่ พร้อมโลโก้พรรคเสร็จสรรพ เอาไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด หากผู้ใหญ่ในพรรคไม่เอา หรือน้อยใจโชคชะตาจะได้มีที่ไป หรือบางคนอาจจะไปร่วมชายคาบ้านอื่นก็ไม่แน่
โดยเฉพาะถ้า “พลังประชารัฐ” เป็นพรรคเฉพาะกิจ ตามที่ผู้คนปรามาส และเริ่มมีแววอัศดง คงต้องจับตา “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แห่ง “สามมิตร” ให้ดี เพราะถือเป็นนักการเมือง ผู้หยั่งรู้ทิศทางลมชั้นเซียน ไม่เคยเป็น “ฝ่ายค้าน” มาเลยในชีวิต
แกนนำในพรรค เคยมีการพูดถึงเรื่องการตั้ง “พรรคสาขา” ของ “พลังประชารัฐ” มานานแล้ว ตั้งแต่ “เลือกตั้ง” คราวก่อน แต่ปรากฏว่า ทำไม่ทันก็เท่านั้นเอง เพราะมัวปลุกปั้นพรรคหลักกันอยู่
ทว่า แนวคิดนี้ก็ยังไม่ถูกทิ้งไป มีการเตรียมไว้เพื่อรองรับ “การเลือกตั้ง” ครั้งหน้า เพื่อปูพรมเก็บคะแนนทุกเม็ดไม่ให้ตกน้ำ ตามสูตรเลือกตั้ง “จัดสรรปันส่วนผสม” แบบที่ “เพื่อไทย” และพรรคเครือข่ายเคยใช้ หรือเรียกตาม “สุเทพ เทือกสุบรรณ” คือ “แตกแบงก์พัน”
เห็นความเคลื่อนไหวจากขั้ว “อำนาจเก่า” ก็รับรู้ได้ว่า ยังไม่ยอมแพ้ พร้อมจะสู้เสมอ หรือนี่จะเป็นสงครามเพื่อคืนอำนาจรอบใหม่ของ “ทักษิณ” ในจังหวะที่รอยปริของ “พลังประชารัฐ” รอวันแตก
เรียกว่าทุกก้าวนับจากนี้ กะพริบตาไม่ได้เด็ดขาด!