โค้งสุดท้าย 'คลายล็อก' เฟส 3-4
สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนามีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้น ล่าสุดได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้วันนี้ไทยเข้าใกล้โค้งสุดท้ายของการคลายล็อกเฟส 3 และ 4 แล้ว สิ่งสำคัญคือทุกคนจะต้องตั้งการ์ดอย่าให้ตก
สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) วันนี้ยังเป็นปัญหาของมนุษยชาติ ระดับวิกฤติของการติดเชื้อและยอดผู้เสียชีวิตมีความรุนแรงมากน้อยลดหลั่นกันไป ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลในการจัดการปัญหา และการให้ความร่วมมือของประชาชนแต่ละประเทศ หากจัดอันดับประเทศไทยในสายตาชาวโลกถือว่าน่าพอใจ หลายความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ให้ไทยติดกลุ่มประเทศที่รับมือและจัดการกับปัญหาดังกล่าวได้ดี
เมื่อต้นสัปดาห์มีมุมมองที่น่าสนใจของ อีริค เจฟฟรีย์ โทพอล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจชาวอเมริกัน ผู้เขียนหนังสือขายดีหลายๆ เล่ม ออกมายกย่องให้ไทยเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาด อีริคนำข้อมูลจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคของยุโรป และสถิติการติดตามผู้ติดเชื้อในสหรัฐของ Covid Tracking Project มาวิเคราะห์เป็นรูปกราฟ ชี้ให้เห็นว่ายอดการติดเชื้อโควิดในไทย มีลักษณะเป็นรูประฆังคว่ำ ซึ่งบ่งชี้ว่า การแพร่ระบาดกำลังเข้าสู่ทิศทางขาลงและใกล้ถึงระยะสิ้นสุดของการแพร่ระบาด
ขณะที่สถานการณ์ล่าสุด ณ วันที่ 27 พ.ค.2563 โดยศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. พบผู้ป่วยรายใหม่ 9 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด หากดูจำนวนเทียบกับช่วง 14 วันที่ผ่านมาถือว่าน่าตกใจที่ตัวเลขเกือบเป็น 2 หลัก แต่หากพิจารณารายละเอียดถือว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายลงแต่อย่างใด เนื่องจากทั้ง 9 ราย ล้วนอยู่ในสถานกักกันทั้งสิ้น เป็นกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ การเพิ่มขึ้นของตัวเลข 6 ใน 9 ราย เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากตะวันออกกลาง ผ่านประเทศมาเลเซียและเข้าประเทศไทยที่ด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา
เราเห็นว่าแนวโน้มจะยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ตราบใดที่คำขอเข้าไทยทางจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีต่อเนื่อง ประเด็นปัญหาก็คือ เมื่อวานนี้ (27 พ.ค.) ทันทีที่ทางการมาเลเซียปิดด่านปาดังเบซาร์ รัฐเปอร์ลิส นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา กลับลงนามคำสั่งด่วนที่สุด ขอเปลี่ยนแปลงจุดผ่านแดนถาวรในพื้นที่ จ.สงขลา สำหรับการเดินทางกลับสู่ราชอาณาจักร เป็นจุดผ่านแดนถาวรสะเดา อ.สะเดา ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค.63 เป็นต้นไป ทั้ง 2 ด่าน อยู่ในอำเภอสะเดา การเปิดด่านสะเดา ให้เหตุผลลดผลกระทบจากการปิดด่านปาดังเบซาร์
มองผิวเผิน เป็นการทำงานที่รวดเร็วฉับไว ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจชายแดน แต่หากเพ่งพิเคราะห์แล้ว เสมือนผู้ว่าฯสงขลา แก้ปัญหาไม่รอบคอบ ไม่ให้ความสำคัญกับการคัดกรองป้องกันเท่าที่ควร การที่ไม่คำนึงถึงภาพรวมของการคุมโรคระบาดทั้งประเทศ ยังทำให้ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น สงขลาจึงยังเป็นจังหวัดที่ ศบค.จัดอยู่ในกลุ่มสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ แม้จะพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่กักกัน แต่ตัวเลขที่สูงหลายๆ ครั้งทำให้สงขลามีความเสี่ยงที่จะกลับมาพบผู้ป่วย ซึ่งมีอาการน้อยหรือไม่แสดงอาการ ฟักเชื้อฝังตัวอยู่ในชุมชน เป็นการติดเชื้อจากผู้ผ่านด่านดังกล่าว ผ่านคัดกรองที่บกพร่อง ทราบแล้วเปลี่ยน