ติดตามแต่ไม่คุกคาม 'ผบ.ทบ.' ถึงเยาวชนปลดแอก
“ในส่วนของกองทัพเอง ได้แต่เฝ้ามอง ติดตาม แต่ไม่คุกคาม รวมถึงรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยมีคำสั่ง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มสหภาพนักเรียนนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) และแนวร่วม ที่เริ่มรวมตัวจัดกิจกรรมชุมนุมต่อต้านรัฐบาล โดยเปิดเวทีแรกหลังจากคลายล็อกสถานการณ์โควิด-19 เมื่อวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.2563 ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนที่จะขยายผลต่อเนื่องนัดหมายชุมนุมหน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน ในอีกสองวันถัดมา 20 ก.ค. เวลา 16.30 น.
โดยมีเหตุจากกรณีที่ พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร นายทหารประจำกรมยุทธการทหารบก หัวหน้าทีมงานชุดปฏิบัติการ “ไอโอ” ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวแสดงความเห็นเกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก ซึ่งวันดังกล่าว ทีมโฆษกกองทัพบกแจ้งสื่อมวลชนว่า ผบ.ทบ.จะออกมาชี้แจงเรื่องนี้เอง แต่ในที่สุดก็ยกเลิก
กระทั่งอีก 4 วันต่อมา 24 ก.ค.2563 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ได้ใช้โอกาสหลังเสร็จสิ้นภารกิจเป็นประธานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (28 ก.ค.) เปิดใจถึงสถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่เกิดขึ้น และท่าทีของกองทัพบก โดยเป็นห่วงถึงประเด็นการพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้าในบางช่วง บางตอน ดังนี้
“ทุกคนก็เป็นราษฎร ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร ไม่ใช่เพียงแค่ทหารเท่านั้น ประชาชนบางคนไม่ได้เกิดเมืองไทย แต่ก็มาอยู่เมืองไทย บางคนเกิดเมืองไทย เกิดมาในหลายตระกูล ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย อยู่ในพระบรมโพธิสมภาร ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด หรือเป็นเชื้อชาติใดก็ตาม ก็มีสิทธิเสรีภาพ”
“วันนี้เป็นวันดี ไม่อยากจะพูดอะไร ที่จะไปกระทบกระทั่งสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ แต่อยากจะให้ประชาชนชาวไทยทุกคน ได้ลองตั้งจิตให้เป็นกลางดูว่า คำพูด คำเขียน ทั้งที่เราเห็นในการชุมนุม ผมทราบดี และตระหนักในสิทธิเสรีภาพ ในระบอบประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่คนเห็น ทั้งในโซเชียล มีการใช้วาจาผรุสวาท ใช้คำพูดไม่เหมาะสม ไม่บังควร ผมมองว่า หลายคนเห็นคงไม่สบายใจ”
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกว่า กองทัพบกเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง ขณะนี้เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง หน่วยความมั่นคงก็ต้องทำงาน แต่การกระทำใดที่จะไปกระทบกระเทือน การแสดงสิทธิเสรีภาพ ตนคิดว่าคนที่ทำแบบนั้น ควรคำนึงถึงขอบเขตการใช้สิทธิเสรีภาพของท่าน ไม่ว่าจะเป็นสภาผู้แทนราษฎร หรือการชุมนุมต่างๆ เราต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราต้องไม่จาบจ้วง หรือใช้วาจาที่ไม่สุภาพ ต่อบุคคลที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่
แม้ตนจะเป็นผู้บัญชาการทหารบก แต่สิ่งที่ตนพูดนั้นในฐานะคนไทย พูดในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ว่าแต่ละท่านจะอะไร ขอให้นึกย้อนกลับไป คงจะรู้สึกเสียใจ แม้ประชาชนบางส่วน บางกลุ่ม จะไม่พอใจ ตนขอฝากสื่อมวลชน
“ขออนุญาตอ้างถึงสำนักข่าวบีบีซีไทย ซึ่งผมได้ศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2561 คือทฤษฎีสมคบคิด เป็นเรื่องที่น่าศึกษา ฝากให้ทุกคนไปดู เพราะเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ปัจจุบันผมมองแล้วว่า มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการ มีความคล้ายคลึงกับทฤษฎีสมคบคิด มีหลายคนพยายามอธิบายความหมายในทฤษฎีสมคบคิด ซึ่งในข้อมูลของสำนักข่าวบีบีซีไทย ได้มีการพูดถึง นิสิต นักศึกษา ผู้มีความรู้ นำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”
ผบ.ทบ.ระบุถึงท่าทีกองทัพต่อการชุมนุมที่ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยว่า “ในส่วนของกองทัพเองได้แต่เฝ้ามอง ติดตาม แต่ไม่คุกคาม รวมถึงรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยมีคำสั่ง เพียงแต่ให้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลผู้ชุมนุมให้เกิดความเรียบร้อย และประสานงานกับตำรวจ แม้แต่จะเดินทางมาชุมนุมที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เราก็ไม่ได้มีมาตรการอะไร และผมไม่ได้ติดใจอะไร”
สำหรับกิจกรรมต่างๆ ในการชุมนุม ผบ.ทบ.ระบุว่า “ขณะนี้มีหน่วยงานความมั่นคงเข้าไปดู จะให้ผมเตือนสติคงจะลำบาก แต่อยากให้ไปดูว่าตัวเองกลายเป็นหนึ่งในทฤษฎีสมคบคิดหรือไม่”
เมื่อถามว่า ทฤษฎีนี้ มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ ตอบว่า “ผมเป็นผู้บัญชาการทหารบก จะพูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้”
สำหรับความคิดเห็นของประชาชนต่อการปกป้องสถาบันนั้น พล.อ.อภิรัชต์ มองว่า “โดยทั่วไปแล้ว คนดีจะไม่กล้าแสดงออกและกลัว ซึ่งหลาย ๆ คนก็เป็นเช่นนี้ แม้กระทั่งการใช้สื่อโซเชียลก็ถูกถล่มกลับมา ซึ่งเรื่องนี้มีหน่วยงานด้านการข่าว ได้ติดตาม ผู้ใช้ทวิตเตอร์ หรือผู้เปิดแอคเคาท์เอง ได้ใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค หรือทวิตเตอร์ โดยมีการรีทวิต ซึ่งมีค่อนข้างเยอะมาก ประมาณ 4-5 แอคเคาท์ ที่สามารถทำลักษณะเช่นนี้ได้ ถือว่าเป็นการต่อสู้กันในโลกโซเชียล ซึ่งถนนแห่งความเป็นจริง รัฐบาลกำลังแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ดี และทุกหน่วยงานให้ความร่วมมือ หากเราทุกคนสามัคคีกัน เราจะผ่านจุดเปราะบางตรงนี้ไปให้ได้ ก็จะเป็นเรื่องดี” ผบ.ทบ.กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตนได้มีโอกาสอ่านหนังสือ ”ปฏิบัติการลับ ในสมรภูมิรบ" บันทึกประวัติศาสตร์การทหาร ที่เขียนโดย ดร.ทิพภานิดา ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา บุตรสาวของ
พล.ต.จักรชัย ศุภางคเสน ได้เขียนถึงเรื่องราวของบิดาที่เคยอยู่ในปี 2475 ว่า ความรัก ความสามัคคี เป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดในชาติไทย ถึงแม้จำเป็นที่จะต้องทำ แต่ความสามัคคีกัน เพื่อให้ผ่านอุปสรรคไปได้
(หนังสือ “ปฏิบัติการลับ ในสมรภูมิรบ” เป็นชีวิตของ พล.ต.จักรชัย ศุภางเสน หนึ่งในนายทหารขบวนการเสรีไทย ที่เคยร่วมรบในกรณีพิพาทอินโดจีน เเละสงครามมหาเอเชียบูรพา เนื้อหาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การทหาร การเมืองไทยในช่วงพิพาทอินโดจีน-สงครามมหาเอเชียบูรพา ซึ่งถูกเขียนไว้เมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา)
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวด้วยว่า ขณะที่รัฐบาลและกองทัพบก ก็มีเรื่องที่ท้าทาย ที่จะต้องดำเนินการในอนาคต เนื่องจากขณะนี้เรากำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และไทยก็เป็นต้นแบบ และตัวอย่างของหลายประเทศ อยากให้มีความสามัคคีและผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้
ส่วนความเป็นห่วงจากบางฝ่ายเกรงว่า จะซ้ำรอยเหตุการณ์เดือนตุลาฯ ในอดีตหรือไม่นั้น พล.อ.อภิรัชต์ ให้ความเห็นทิ้งท้ายว่า “คงไม่หรอก”