อานิสงส์ 'คดีบอส' อุดช่องโหว่ 'ขอความเป็นธรรม' เรื่อยเปื่อย

แถลงใหญ่หลังจากใช้เวลาตรวจสอบคดีดังกล่าวเป็นเวลา 1 สัปดาห์ สรุปคือ จะรื้อคดียาเสพติดจากการพบสารโคเคนในร่างกาย และคดีขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ให้พนักงานสอบสวน หรือ ตำรวจ ทำคดีส่งเข้ามาใหม่

แต่หนึ่งในประเด็นที่นักข่าวซักถามหลายคำถามคือ ปัญหาของการ “ยื่นขอความเป็นธรรม” ที่นายบอส ใช้ช่องทางนี้ในการประวิงเวลาแต่เจ้าตัวไม่มาปรากฏตัว

นับตั้งแต่เกิดเหตุ 3 ก.ย.2555 ต่อมาปี 2556 นายบอสเริ่มส่งทนายความยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมและเลื่อนพบอัยการ จากนั้น 4 พ.ค.2559 ยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อ กมธ.กฎหมาย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ 

25 เม.ย.-30 มี.ค.2560 ได้เลื่อนขอพบอัยการรวม 7 ครั้ง 25 เม.ย.2560 นายบอสก็เดินทางออกนอกประเทศ 27 เม.ย.2560 อัยการนัดให้มาพบ 28 เม.ย.2560 ศาลอนุมัติหมายจับ และ 3 ก.ย.2560 คดีหมดอายุความอีก 1 ข้อหา คือ ข้อหาขับรถชนแล้วไม่ช่วยเหลือ และก่อนหน้านั้น อายุความหมดแล้ว 2 คดี คือ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด และ ขับรถโดยประมาททำให้บุคคล/ทรัพย์สินเสียหาย

นายชาญชัย ชลานนท์นิวัฒน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะคณะทำงานชุดนี้สะท้อนปัญหา “เรื่องการร้องขอความเป็นธรรม” ในการแถลงข่าวโดยใช้คำว่า “เรื่องนี้เสียเวลากันมากจากการร้องขอความเป็นธรรม”

แต่ก็ได้อธิบายที่มาของกระบวนการนี้ว่า เดิมทีเป็นเรื่องที่สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นว่ากระบวนการยื่นขอความเป็นธรรมของการให้สิทธิ์ผู้ต้องหาได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ที่ผ่านมากระบวนการนี้ก็ให้ความเป็นธรรมได้อยู่บ้างเหมือนกัน

กระบวนการนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดตั้งใจว่า ถ้าผู้ต้องหาหรือแม้กระทั่งผู้เสียหายเห็นว่ากระบวน การมีความไม่เป็นธรรมเหมือนที่รู้สึก สามารถนำเรื่องมาให้พนักงานอัยการสอบสวนในประเด็นเหล่านั้นได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหา

แต่หลายเรื่องเป็นปัญหาเสียเอง สำนักงานอัยการสูงสุดไม่สามารถควบคุมการร้องขอความเป็นธรรมให้ยุติ หรือมีกรอบเวลาในการดำเนินการได้ ด้วยเหตุผลเดียวคือ “ความเป็นธรรม” ทำให้สำนักงานอัยการสูงสุดต้องไปถอดบทเรียนว่า เราอาจจะต้องไปปรับเปลี่ยนกระบวนการร้องขอความเป็นธรรมกันใหม่ อาจจะต้องกำหนดให้ร้องขอความเป็นธรรมได้เพียงครั้งเดียว ต้องมาพบกับพนักงานอัยการทุกครั้ง

กรณีนี้ถ้าเรามองในด้านดี หลายๆเรื่องที่พบปัญหา เรื่องนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากอะไร ก็จะได้แนวคิดเพื่อไปแก้ไข ไม่ให้เกิดขึ้นอีก