กมธ.พบจัดซื้อถุงมือยางผิดระเบียบ จี้ อคส.เร่งตรวจสอบ
กมธ.พาณิชย์ จี้ อคส. เร่งดำเนินการเอาผิด กรณีจัดซื้อถุงมือยางมูลค่า 112,500 ล้านบาท พร้อมติงการจัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบ
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการพาณิชย์และทรัพย์สินทางปัญญา แถลงถึงผลการพิจารณาการทำสัญญาชื้อขายถุงมือยางระหว่างองค์การคลังสินค้ากับบริษัทเอกชน มูลค่า 112,500 ล้านบาท ซึ่งทางกรรมาธิการได้มีความสนใจในเรื่องนี้ เนื่องจากอาจจะส่อไปในทางการทุจริตเงินภาษีประชาชน ในส่วนของเงินวางมัดจำทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีลักษณะจองการทำสัญญาลักษณะแบบนี้ และมีความเสียหายเป็นจำนวนมาก กรรมาธิการฯจึงได้เชิญผู้อำนวยการคลังสินค้า(อคส.) และประธานบอร์ดของ อคส.มาชี้แจง
นายอัครเดช กล่าวว่า จากการสอบถามความคืบหน้าของการจัดซื้อถุงมือยางของ อคส. เบื้องต้นผู้แทน อคส.ได้ชี้แจงว่ามีการตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมีความเห็นว่านิติกรรมการซื้อขายที่เกิดขึ้นอาจเป็นการกระทำที่เกินอำนาจของ อคส.และอาจจะผิดระเบียบของ อคส.และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นสัญญาดังกล่าวจึงอาจจะเป็นโมฆะ กรรมการตรวจสอบจึงมีมติให้ระงับนิติกรรมการซื้อขายทั้งหมด และผู้อำนวยการคลังสินค้าคนปัจจุบันได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีแล้ว รวมถึงยังมีการส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. ปปง. และ กรมสิบสวนคดีพิเศษ(DSI) เพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยหากมีการตรวจสอบและชี้มูลความผิดได้แล้ว ก็จะได้ให้มีการส่งเรื่องให้ ปปง. ดำเนินการอายัดเงิน ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นปัจจุบันมีมูลค่า 2,000 ล้านบาท ที่ได้โอนไปให้กับบริษัทคู่สัญญาของ อคส. แต่ขณะนี้ได้มีการริบเงินหลักประกัน 200 ล้านบาทคืนกลับมาแล้ว ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมีมูลค่า 1,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทางกรรมาธิการฯ จึงได้ขอให้ อคส.เร่งดำเนินการให้ DSI ป.ป.ช. และ ปปง. เร่งดำเนินการที่จะนำเงิน 1,800 ล้านบาทกลับคืนมาให้ อคส. จะได้ทำให้ อคส. เสียหายได้น้อยที่สุด และทางกรรมาธิการฯยังไม่มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะไปยัง อคส. ว่า การเบิกจ่ายเงินตามสัญญาซื้อขายถุงมือยางจะต้องกระทำผ่านคณะกรรมการการจัดซื้อจัดจ้าง ดังนั้นเรื่องนี้ทางคณะกรรมการการจัดซื้อจัดจ้างอาจจะมีความผิดได้ เพราะถึงแม้ว่าการจัดซื้อจัดจ้างมีการวางมัดจำไป 2,000 ล้านบาท แต่มูลค่าการทำสัญญามีกว่าแสนล้านบาท ดังนั้นการทำสัญญาจะต้องกระทำผ่านคณะกรรมการ แต่ครั้งนี้ไม่ได้กระทำผ่านกรรมการตามระเบียบของ อคส. อีกทั้งจำนวนถุงมือยางที่ซื้อขายมีจำนวนมาก จึงมีข้อสังเกตว่าในความเป็นจริงแล้ว มีถุงมือยางที่ซื้อขายในสัญญาจริงหรือไม่ รวมถึงยังขอให้ อคส.เร่งดำเนินการตรวจสอบว่าเงินที่โอนไปแล้วตามสัญญาซื้อขายขณะนี้อยู่ที่ใด เพราะหากมีการชี้มูลความผิดแล้ว จะได้มีการอายัดเงินดังกล่าวได้ และขอให้ อคส.ได้แถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีการระงับนิติกรรมการซื้อขายถึงมือยางทั้งหมด
นอกจากนี้ โฆษกกรรมาธิการฯ ยังกล่าวว่า ทางผู้ชี้แจงได้แจ้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้เร่งให้ผู้บริหารใหม่ของ อคส. ดำเนินคดีเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด และเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะเยียวยาให้ อคส.เสียหายน้อยที่สุด ซึ่ง อคส.ถือเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ จึงเป็นสิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มีความห่วงใย จึงได้กำชับให้เร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะกรรมาธิการฯในสัปดาห์หน้าวันที่ 14 ตุลาคม 2563 จะมีการเชิญทาง ปปง. ดีเอสไอ และ อคส. เข้ามาชี้แจงอีกครั้ง