'สามารถ' แนะ 'รังสิมันต์ ธนาธร พิธา' 14 ต.ค. นี้ เข้าวัดทอดกฐินดีกว่าไปม็อบ
"สามารถ" แนะนำ "รังสิมันต์ ธนาธร พิธา" 14 ต.ค. นี้ หัดเข้าวัดทอดกฐินจะดีกว่า ไปร่วมชุมนุม - ย้ำรัฐธรรมนูญ ปี 60 เน้นหลักนิติธรรม ซึ่งรัฐธรรมนูญ ปี 40 ไม่มี
วันนี้ (10 ต.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนได้รับข้อมูลจากประชาชนพูดถึงกรณี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กว่า รัฐธรรมนูญคือทางตันของประชาธิปไตย จุดเริ่มต้นคือการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 เรื่องนี้ตนคิดว่า นายรังสิมันต์ คงสับสนในข้อเท็จจริง เพราะเข้าใจว่า นายรังสิมันต์ คงสักแต่จะพูดแต่ขาดแก่นสาร และพูดด้วยความคิดของตัวเอง โดยไม่ได้อาศัยหลักวิชาการ
ตนจึงอยากบอกให้นายรังสิมันต์ ได้ไปอ่านรัฐธรรมนูญ 2560 ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวไม่ดีอย่างไร ตนขอหยิบยก ในมาตรา 3 ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า อำนาจธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพระประมุขทรงใช้อำนาจนั้นตามรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ สาระสำคัญในรัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับนี้ดีกว่ารัฐธรรมนูญ 2540 ขอให้ดูในมาตรา 3 วรรค 2 ได้ระบุว่า รัฐสภาคณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ
ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ และความผาสุขของประชาชนโดยรวม คือข้อดีของรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่มีบทบัญญัติไว้ว่า คนที่ใช้อำนาจต้องคำนึงถึงประชาชน ต้องมองด้วยหลักนิติธรรม แต่ในรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ไม่ได้ระบุไว้จึงทำให้เกิดความวุ่นวาย มีม็อบลงถนนมากมายจนทำให้เกิดการรัฐประหารขึ้น
โดยนายรังสิมันต์เอง ไม่เคยใช้กลไกของสภาในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเลย จึงไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเองว่า ส.ส. ต้องทำหน้าที่อะไร สังเกตได้ว่าพรรคก้าวไกลนั้น ค้านทุกเรื่องในสภา และไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคก้าวไกลไม่ร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาล รวมถึงการเสนอญัตติแล้วให้ไปชี้แจงก็ไม่เข้าร่วมกับเขา ฉะนั้นการที่นายรังสิมันต์ชอบพูดแบบนี้ก็เป็นจิตวิทยาการเมือง เพื่อต้องการปลุกม็อบลงถนนต้องการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคม
นั่นเป็นแนวความคิดของเผด็จการหาใช่เป็นแนงความคิดของระบบประชาธิปไตยไม่ ตนจึงอยากให้นายรังสิมันต์กลับไปเรียนหนังสือและต้องตั้งใจเรียน เพื่อจะได้รู้ถึงแก่นว่าประชาธิปไตยแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ไม่ใช่ชอบอาศัยแต่กฎกูอย่างเดียว ดังนั้นวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ไม่อยากให้นายรังสิมันต์ไปร่วมม็อบ แต่อยากให้ไปเข้าวัดทอดกฐินกับเขาบ้าง จะได้มีความสำนึกในบุญคุณแผ่นดินถิ่นเกิดของตัวเอง
นอกจากนี้ นายสามารถ ยังเตือนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ว่า อย่าหนุนม็อบในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ การที่นายรังสิมันต์ นายพิธา อาจมีการหนุนให้มีการทำผิดกฎหมายให้มีการล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ อาจจะทำให้พรรคก้าวไกลถูกยุบหรือไม่ ตนเป็นห่วง ส.ส. พรรคก้าวไกลหลายคนที่เค้าอยากทำงานช่วยเหลือประชาชน จึงอยากเตือนสตินายรังสิมันต์ นายพิธา รวมถึงนายธนาธร ฉุกคิดด้วยเรื่องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก เพราะไม่งั้น ส.ส. พรรคก้าวไกลหลายคนจะย้ายพรรคหนีแบบรุ่นพี่ที่มีตัวอย่างให้เห็นแล้ว
"ทุกวันนี้ประชาชนเขารู้หมดแล้วว่านายรังสิมันต์ นายพิธา และนายธนาธร เป็นพวกปากว่าตาขยิบ ปากบอกต้องการประชาธิปไตยแต่แท้จริงแล้วจิตใจฝักใฝ่เผด็จการเสียมากกว่าหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้ทั้ง 3 คนหัดไปทอดกฐินเข้าวัดจะดีกว่าไปร่วมชุมนุมให้ร้ายประเทศตนเอง" นายสามารถ กล่าว.