มติเอกฉันท์! 'แม่ฮ่องสอน' ค้านเปิดจุดผ่อนปรน 5 แห่ง หวั่น 'โควิด'ลาม
ชาวบ้านห้วยต้นนุ่น อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ค้านเปิดจุดผ่อนปรน 5 แห่ง ในวันที่ 18 ม.ค.นี้ ห่วง 'โควิด-19' ระบาดเข้ามาในไทย ขอจังหวัดทบทวน
16 ม.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุดม หมั่นศึกษา ผู้ใหญ่บ้านห้วยต้นนุ่น หมู่ 4 ต.แม่เงา อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ได้เรียกประชุมลูกบ้านห้วยต้นนุ่น เพื่อขอมติความเห็นต่อกรณี ที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีมติให้เปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดน จำนวน 5 แห่ง โดยมีจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านห้วยต้นนุ่น รวมอยู่ด้วย เนื่องจากห้วงเวลานี้มีสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก รวมทั้งไทย และเมียนมา หากมีการเปิดด่านจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนช่องทางห้วยต้นนุ่น ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงอยู่ นั้น ผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยต้นนุ่น จึงเรียกประชุมชาวบ้านเพื่อขอมติว่าจะยินยอมให้ทาง จังหวัดเปิดจุดผ่อนปรนชายแดนบ้านห้วยต้นนุ่ต่อไปหรือไม่
โดยที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ ด้วยเสียง 131 เสียง ซึ่งเกินครึ่งของหมู่บ้าน ไม่ยอมให้มีการเปิดด่านในวันที่ 18 มกราคม 2564 ที่จะถึงนี้ และขอให้ทางจังหวัดทบทวน และชะลอคำสั่งจนกว่าสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จะคลี่คลายต่อไป แต่หากว่าทาง จ.แม่ฮ่องสอน ไม่มีการทบทวน ชาวบ้านห้วยต้นนุ่น จะรวมตัวไปปิดเส้นทางช่องทางห้วยต้นนุ่นต่อไป
นอกจากหมู่บ้านห้วยต้นนุ่นแล้ว ยังมีหมู่บ้านอื่น ๆ อีกที่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดด่านค้าชายแดนช่องทางบ้านห้วยต้นนุ่น ได้แก่ บ้านประตูเมือง หมู่ 3 ต.แม่เงา , บ้านสวนอ้อย หมู่ 6 ต.แม่เงา , บ้านห้วยนา หมู่ 5 ต.แม่เงา , บ้านหัวเงา หมู่ 2 ต.แม่เงา , บ้านนาหัวแหลม หมู่ 7 ต.แม่เงา , บ้านต่อแพ หมู่ 1 ต.แม่เงา , บ้านหลวง หมู่ 8 ต.แม่เงา , บ้านแม่สะเป่เหนือ หมู่ 6 ต.ขุนยวม และ บ้านแม่สะเป่ใต้ หมู่ 4 ต.ขุนยวม
ด.ต.ประเสริฐ พลสิงห์ ผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย-เมียนมา กล่าวว่า จุดผ่อนปรนห้วยต้นนุ่นความเป็นจริงห่างจาก บ้านห้วยต้นนุ่น 15 กิโลเมตร เส้นทางขนส่งสินค้าไม่ได้ผ่านใกล้บ้านห้วยต้นนุ่นเลย จุดแลกเปลี่ยนสินค้าอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดอยเวียงหล้าซึ่งไม่มีบ้านคน มีเพียงทหารพรานดูแลความเรียบร้อย โดยสินค้าจะพ่นยาฆ่าเชื้อ และใช้รถชนท้ายกัน คนงานประมาณ 10 คนผ่านการตรวจหาเชื้อ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข คนงานส่งของเมียนมาเข้าห้องน้ำเมียนมา คนงานส่งของไทยเข้าห้องน้ำไทย ซึ่งทางผู้ประกอบการ ได้ทำไว้ให้เรียบร้อย มีเจลล้างมือสำหรับทุกคน สวมหน้ากากอนามัย มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งไทยและเมียนมา ดูแลคนของตัวเอง
"ภาครัฐจัดให้ขนาดนี้ถ้าขวางก็ไม่ไช่คนไทยแล้วแต่เป็นอันธพาล การส่งสินค้าเข้าได้แต่สินค้า คนเข้าไม่ได้ จะมีคนขับรถคนเดียวผ่านไม้กั้น กลับมาอยู่ฝั่งไทยเขาขนเสร็จคนขับก็ไปเอารถกลับมา คนไทยกับพม่าไม่ได้เจอกันเลย สั่งของก็สั่งของทางออนไลน์โอกาสเชื้อโควิด-19 แทบจะเป็น 0.01 เปอร์เซ็นต์ หรือแทบจะไม่มี ปัจจุบันการระบาดของโรคโควิด-19 ในรัฐคะยาวันตรงข้ามช่องทางห้วยต้นนุ่นไม่มีคนติดเชื้อแต่อย่างใด"ด.ต.ประเสริฐ กล่าว
ผู้ใช้ชื่อไลน์ว่า RMS.202 ได้ออกมาให้ความเห็นในไลน์กลุ่มประชารัฐ อ.ขุนยวม ว่า “อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์มากเกินไป การระบาดของโรคโควิด รอบนี้ผู้ที่ติดเชื้อไม่ค่อยแสดงอาการ หากมีคนติดเชื้อเข้ามาในพื้นที่จะเดือดร้อนจนต้องล็อคดาวน์พื้นที่กัน แล้วจะมองหาผู้ที่จะรับผิดชอบนั้นคงไม่มีแน่นอนคับ เปิดด่านนั้น เปิดเมื่อไหร่ก็ได้ แต่อย่าเอาความเสี่ยงมาให้คนอำเภอขุนยวมเลย มันจะกระทบกับคนทั้งอำเภอ ควรมองดูจากหลายๆพื้นที่ที่ระบาดกันว่ามาจากไหน..???.. แรงงานพม่าใช่ไหม เพราะฉะนั้นเราควรคิดถึงความปลอดภัยของประชาชนคนบ้านเราให้มากกว่าผลประโยชน์ #สามัญสำนึกของคนเราสำคัญที่สุด ท่านรู้ได้ไงว่าที่ จ.สมุทรสาครก่อนหน้านี้ ก็บอกแบบนี้ไม่ใช่เหรอ กว่าจะแสดงอาการ..ไปกันไหนต่อไหนแล้ว ยิ่งวัดไข้ไม่เจอหรอกถ้าไม่มีไข้ เพราะรอบนี้มันเกิน14วันนะกว่าจะแสดงอาการ แล้วท่านพร้อมรับผิดชอบไหม หากมีอะไรเกิดขึ้น อย่าโยนให้ใครคนอื่นรับแทนนะ”
ด้านนายพัชรพงษ์ ก่อนเกียรติยศ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.แม่กิ๊ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โพสต์ในไลน์กลุ่มว่า เห็นด้วยการการคัดค้านการเปิดจุดผ่นอปรน เนื่องจากทุกวันนี้กำนันผู้ใหญ่บ้าน. อสม.เป็นหน้าด่านตลอด ทำทุกอย่างเพื่อช่วยกันป้องกัน ไม่ใช่เห็นผลประโยชน์แค่คนไม่กี่คน แล้วทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ภายหลังนายสุรชัย ธรรมชาติแห่งเขา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 บ้านแม่โข่จู ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โพสต์ว่า
“ ถ้าเปิดด่านโควิด-19 ไม่มาแน่ ก็สามารถเปิดเลยนะครับ แต่ถ้าโควิด-19มาใครจะรับผิดชอบครับเอาตรงนี้ให้ชัดเจนไปเลยนะครับ ทุกวันนี้ย้ำแล้วย้ำอีกในหมู่ผู้รักษาความสงบหมู่บ้าน ( ผรส.) เป็นหูเป็นตาทำอย่างเต็มที่ไม่อยากให้โควิด-19เข้ามาในพื้นที่นี่คือเหตุผลที่ผมเป็นห่วงพื้นที่แม่ฮ่องสอนนะครับ (มิใช่ไม่อยากให้เปิดด่านนะครับ) ขอบคุณครับ”
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามของสื่อมวลชน ต่อผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ อ.ขุนยวม และประชาชนทั่วไป ต่างกังวลในเรื่องการเปิดด่าน เนื่องจากหวั่นเกรงว่า จะเป็นการเปิดช่องให้มีการระบาดของโรคโควิด-19 เข้ามาในพื้นที่ อ.ขุนยวม ขณะที่ทางภาครัฐยังนิ่งเงียบและไม่มีการออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด