'อนุทิน' เผยโควิด 19 สมุทรสาคร แนวโน้มดีขึ้น
"อนุทิน"เผยโควิด 19 สมุทรสาคร แนวโน้มดีขึ้น หลังตรวจเชิงรุกเกินเป้าในโรงงาน
วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหาร ลงพื้นที่โรงพยาบาลกระทุ่มแบน และโรงพยาบาลสนาม องค์การบริหารส่วนตำบลท่าทราย ติดตามสถานการณ์โรคโควิด 19 ของ จ.สมุทรสาคร และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมมอบหน้ากากอนามัย 1 หมื่นชิ้น และชุด PPE 250 ชุด
นายอนุทินกล่าวว่า แนวโน้มการควบคุมโรคใน จ.สมุทรสาครดีขึ้น แม้พบผู้ติดเชื้อวันละหลายร้อยคนจากการตรวจเชิงรุก ทั้งนี้ มีโรงพยาบาลที่มีความพร้อมรองรับผู้ติดเชื้อคนไทยที่มีอาการเข้ารักษา ได้แก่ โรงพยาบาลสมุทรสาคร โรงพยาบาลท่าฉลอม โรงพยาบาลบ้านแพ้ว และโรงพยาบาลกระทุ่มแบน โดยใช้อาคารสร้างใหม่เป็น Cohort Ward มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ครบครัน รวมทั้งมีห้องปฎิบัติการทางการแพทย์สามารถตรวจหาเชื้อเองได้ ส่วนแรงงานต่างชาติได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้รองรับจำนวนหลายพันเตียง ส่วนผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในโรงงาน ใช้การกักกันในโรงงาน (Factory Quarantine) และมาตรการ Bubble and Seal ให้อยู่ภายในพื้นที่ ซึ่งการแยกผู้ติดเชื้อและกักกันไม่ให้ออกนอกพื้นที่ หรือออกนอก จ.สมุทรสาครเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทำให้ควบคุมโรคได้
“ผู้ที่อยู่ในจ.สมุทรสาครยังขอให้รักษาพฤติกรรม New Normal ต่อไป ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ พยายามอยู่ห่างจากชุมชนที่แออัด อย่าหลีกเลี่ยงกฎหมาย ทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ปกติ คาดว่าอีกไม่นาน” นายอนุทินกล่าว
ทั้งนี้ ได้ค้นหาเชิงรุกแล้ว 1.4 แสนราย เกินเป้าที่กำหนดไว้จากโรงงาน 541 แห่ง แต่ทำได้มากถึง 845 แห่ง โดยโรงงานขนาดใหญ่ที่มีมากกว่า 500 คน และโรงงานขนาดกลางที่มี 200-500 คน ได้รับการตรวจคัดกรองแล้วทั้งหมด ทำให้ทราบโรงงานเป้าหมายที่ต้องควบคุมโรคด้วยมาตรการ Bubble and Seal ซึ่งตอนนี้มีหลายโรงงานแล้วที่ทำได้ โดยอีก 2-3 วันผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจะออกมาครบทั้งหมด คาดว่าการติดเชื้อน่าจะลดลงจากนี้การเฝ้าระวังเชิงรุกจะทำในพื้นที่เสี่ยงและโรงงานขนาดเล็กที่ยังดำเนินการไม่ครอบคลุม และเตรียมแผนมาตรการรองรับต่อไป