'อานนท์' ลั่น 64 ปีสุกดิบ ชี้ชะตาไม่ 'เขา'ก็ 'เรา'
'ทนายอานนท์' ระบุ แนวทางเคลื่อนไหวปี 64 ของ 'ราษฎร' หนักหน่วง ถ้าต้านทานไหวและยืนหยัดได้ เมีโอกาสชนะ ถ้าเพลี่ยงพล้ำก็หมายถึงการเสียเสรีภาพ
4 ก.พ.2564 นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร ในปี 2564 ระบุถึงภารกิจของฝ่ายขวาคือ ราษฎรต้องทำลาย และ ขยายอนุรักษนิยม โดยมีเนื้อหาระบุว่า
1. ราษฎรต้องทำลาย
เราได้กระหยิ่มยิ้มย่องเมื่อปีที่แล้วว่าขบวนเราเติบโตและแหลมคมมากๆ มากจนฝ่ายขวาไม่สามารถปราบปรามได้ แต่นั่นเพราะเขายังตั้งตัวไม่ติดต่างหาก พวกเขาไม่คิดว่าจะมีคลื่นใต้น้ำที่มากมายและรุนแรงขนาดนี้ พวกเขาประมาทเพราะพวกเขาเชื่อว่าพวกเขามีเครื่องมืออย่างเพรียกพร้อม ไม่น่าจะมีใครกล้าลุกขึ้นต่อกร ปีที่แล้วพวกเราทำให้เขาตระหนกและแตกตื่นในคลื่นของราษฎรและข้อเสนอที่ทิ่มแทงพวกเขา
ทว่าตอนนี้พวกเขาผ่านพ้นมาได้แล้ว และตั้งตัวได้แล้ว ตอนนี้เขามีการแบ่งสายที่ทำลายพวกเราอย่างชัดเจนทั้งในโลกโซเชียล ที่เต็มไปด้วยไอโอ รวมทั้งสื่อจำนวนหนึ่งซึ่งพร้อมจะเป็นมือเป็นไม้ในการจัดการพวกเรา ส่วนในโลกจริงพวกเขามีเจ้าหน้าที่รัฐที่พร้อมจะยัดคดีและกระทำความรุนแรงกับพวกเรา มาตรการหนึ่งซึ่งชัดเจนมากคือ การยั่วยุพวกเราด้วยความรุนแรงเพื่อหวังให้พวกเราใช้ความรุนแรงกลับ รวมทั้งการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการทำร้ายพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เริ่มมีการจัดตั้งมวลชนเพื่อมาก่อกวนและทำร้ายร่างกายพวกเราแล้ว
ปีนี้จึงเป็นปีที่หนักหน่วงของราษฎร ถ้าต้านทานไหวและยืนหยัดได้ เราจึงมีโอกาสชนะ ถ้าเพลี่ยงพล้ำก็หมายถึงการเสียเสรีภาพหรือมากกว่านั้นก็คือ “ความตาย”
2.ขยายอนุรักษนิยม
ปีนี้พวกเขาตั้งตัวได้แล้วและแบ่งหน้าที่กันแล้ว ปรากฏการณ์แรกที่พวกเขาทำคือการทำลายราษฎรและป้ายสีให้พวกเราเป็นพวกคนพาล ไร้เหตุผล ชอบใช้ความรุนแรง ไม่เห็นหัวผู้ใหญ่ ไร้กาลเทศะ ไม่สำนึกบุญคุณแผ่นดิน
ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งก็เพื่อขยายแนวร่วม ดึงเอาคนกลางๆ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลเพียงพอรับสื่อจากรัฐให้เห็นด้วยและคล้อยตามกับพวกเขาด้วยเครื่องมือที่พวกเขามีทั้งหมด เช่น การแทรกซึมปั่นสมองไปในระบบการศึกษาและระบบราชการ การสร้างข้อมูลชวนเชื่อปล่อยไปในโซเชียล รวมทั้งการให้ชนชั้นนำเดินสายหาเสียงสนับสนุนใส่ร้ายกลุ่มราษฎร
สื่อ คืออีกเครื่องมือในการขยายแนวร่วมของพวกเขา นอกจากการทำลายสื่อที่เป็นกลางแล้วเขายังเพิ่มสื่อที่ป้อนข้อมูลด้านเดียวเพื่อปั่นกระแสคลั่งชาติ และใส่ร้ายป้ายสีขบวนราษฎร การสร้างมวลชนอาสาคืออีกงานหนึ่งซึ่งอันตรายมาก พวกเขามีการทำงานขยายจำนวนอย่างเป็นระบบและเพิ่มจำนวนอย่างน่ากลัว
การต่อสู้ครั้งนี้แม้มีคนบอกว่ายังไงฝ่ายประชาธิปไตยชนะแน่ แต่ต้องบอกว่าไม่ง่าย เพราะพวกเขาไม่มีทางประนีประนอม แพ้คือราบคาบ ชนะคือเต็มใบด้วยยุทธศาสตร์ทั้งสองของพวกเขา ขบวนการซึ่งมีความหลากหลายมากๆ จึงมีโจทย์ที่ต้องแก้ร่วมกัน รุกรับต้องประสาน ผ่อนหนักผ่อนเบา รู้เข้าตีรู้ล่าถอย ซุ่มซ่อนรอจังหวะ
ปีนี้อาจเป็นปีสุกดิบกระทั่งอาจเป็นปีชี้ชะตาของเขาและเรา เชื่อมั่นและศรัทธา