โรงโม่คอนเนกชั่น ปชป.-ภท. "2 คีย์แมน" เนื้อเดียวกัน

โรงโม่คอนเนกชั่น  ปชป.-ภท. "2 คีย์แมน" เนื้อเดียวกัน

จากสมรภูมิลูกหนัง ถึงเวทีการเมือง พลพรรคต่อพิฆาต กับบ้านใหญ่โรงโม่ จึงมีความสัมพันธ์อันล้ำลึก ราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน

อลหม่านบ้านทรายทอง หลัง พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีดีอีเอส ถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ต้องพ้นตำแหน่งจากคำพิพากษาของศาลอาญา สั่งจำคุกในคดี กปปส. ชุมนุมขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

เก้าอี้รัฐมนตรีว่าง 3 ตำแหน่ง ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ และพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่น่าจะวุ่นวายอะไร “ลุงป้อม” หาคนใหม่มาเติมให้เต็มก็จบ

บังเอิญว่า “ตัณหาการเมือง” ไม่เข้าใครออกใคร แกนนำซุ้มต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ วิ่งกันให้วุ่น แถมคนบางกลุ่มใน พปชร. ยังมีการปล่อยข่าวจะริบ “เก้าอี้รัฐมนตรี” คืนจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะ “กัปตันอู๊ดด้า” มีปัญหาคุมลูกพรรคไม่อยู่

เช้าวันที่ 25 ก.พ.2564 นักข่าวประจำกระทรวงสาธารณสุข จึงเห็นภาพ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ปชป. ไปรับประทานอาหารเช้ากับ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

“นกมีขน คนมีเพื่อน” นี่คือลักษณะพิเศษของ “เสี่ยต่อ” จึงถูก “กัปตันอู๊ดด้า” เลือกมาเป็นเลขาธิการพรรคในสถานการณ์พิเศษ

ถ้ายังจำกันได้ ก่อนตั้งรัฐบาลประยุทธ์ ภาคมาจากการเลือกตั้ง ที่ร้านทีเฮ้าส์ พระราม 6 “เสี่ยหนู” และ “เสี่ยต่อ” ได้นัดรับประทานอาหารร่วมกัน เมื่อค่ำวันที่ 21 พ.ค.2562 โดยเสี่ยหนู โพสต์เฟซบุ๊คว่า “ทำงานกันอยู่นะครับ ไม่ได้มากินกันเฉยๆ ตามที่ได้พูดไว้ทุกอย่าง”

เวลานั้น เป็นห้วงเวลาต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี โดยภูมิใจไทย ขอ 3 เก้าอี้ คมนาคม สาธารณสุข และท่องเที่ยว ส่วนประชาธิปัตย์ ขอจอง 2 เก้าอี้ พาณิชย์ และเกษตรฯ

“ลุงป้อม” ก็ตัดสินใจยาก เพราะบรรดา “ขาใหญ่” ใน พปชร. ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย

เบื้องหลังการถ่ายทำ ฉาก “เสี่ยหนู-เสี่ยต่อ” ในร้านอาหารคือ “เสี่ยต๊ง” มนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ มือทำงานของเสี่ยต่อ และเป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกับ “นายใหญ่โรงโม่” บุรีรัมย์ มานานปี

นักข่าวทุกสำนักได้รับข่าวแจก เรื่องการรวมตัว “ขั้วที่ 3” ของภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ รวม 103 เสียง(จำนวน ส.ส.ในเวลานั้น)

ผู้วางแผนจัดฉาก “ขั้วที่ 3” ก็คือ “นายใหญ่โรงโม่” ที่ต้องการเบรกเกมการต่อรองตำแหน่งจาก “กลุ่มสามมิตร” และอีกหลายซุ้ม ในค่ายพลังประชารัฐ ว่าอย่ามาแตะกระทรวงที่ 2 พรรคได้จองเอาไว้

กลุ่ม “ต่อพิฆาต” หรือพลพรรคเพื่อนเฉลิมชัย จากเมืองสามอ่าวนั้น ได้เริ่มก่อความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่สมัยที่ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็น รมว.มหาดไทย และศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นประธานคณะทำงานรัฐมนตรีมหาดไทย

“เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ได้รับมอบหมายจาก “นายใหญ่โรงโม่” ไปดำเนินการขยาย “สาขาพรรค” ในภาคใต้ เริ่มต้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ยันสตูล “เสี่ยโอ๋” ต้องการดึง “เสี่ยต่อ” มาปักธงสีน้ำเงินที่ภาคใต้ตอนบน ประสานกับ “โกเกี๊ยะ-โกเกียรติ” ยึดฝั่งอันดามัน

ตอนนั้น มีข่าวลือว่า ทีมเสี่ยต่อจะย้ายจาก ปชป.มาภูมิใจไทย แต่ก็ไม่ได้ย้ายไปไหน ยังอยู่พรรคเดิม แต่ก็มีใจผูกพันกันตามประสาคนใจถึง พึ่งได้

ช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ภูมิใจไทย และ ปชป. เป็นฝ่ายค้าน “เสี่ยต่อ” ว่างงาน เลยหันไปพลิกฟื้นสโมสรฟุตบอลประจวบ เอฟซี เปลี่ยนสัญลักษณ์ทีมเป็น “ต่อพิฆาต” และมอบให้ “นายกเกียร์” ทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์ อดีตนายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้บริหาร

ต่อมา สโมสรประจวบ เอฟซี เป็นพันธมิตรกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด โดยทีมต่อพิฆาต ได้รับการช่วยเหลือจากทีมปราสาทสายฟ้าในทุกด้าน ทีมต่อพิฆาตจึงได้เลื่อนชั้นมาเล่นในไทยลีก 1 โดยค่ายน้ำมันพีที ของโกเกี๊ยะ ได้เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ และเปลี่ยนชื่อทีมเป็น “พีทีประจวบ เอฟซี” ลุยลีกสูงสุดของประเทศ

ปลายปี 2562 พีทีประจวบ เอฟซีกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ชิงแชมป์บอลถ้วยโตโยต้าลีกคัพ 2019 ซึ่งในเกมนัดชิง ทีม ส.อบจ.เมืองสามอ่าว ขนกองเชียร์มากว่า 5 พันคน ราวกับงานฉลองตำแหน่งรัฐมนตรีเกษตรฯ ในสนามบอล

ผลการแข่งขัน ทีมต่อพิฆาตชนะทีมปราสาทสายฟ้า คว้าแชมป์บอลถ้วยเป็นประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลเมืองสามอ่าว

วันนั้น “นายใหญ่ปราสาทสายฟ้า” ไม่เสียใจอะไรมากมาย และร่วมแสดงความยินดีกับ “นายกเกียร์” อย่างเป็นกันเอง เพราะสองทีมนี้ มีความเป็นทีมพี่ทีมน้องกัน

จากสมรภูมิลูกหนัง ถึงเวทีการเมือง พลพรรคต่อพิฆาต กับบ้านใหญ่โรงโม่ จึงมีความสัมพันธ์อันล้ำลึก ราวกับเป็นเนื้อเดียวกัน