ยกฟ้องทีมตำรวจชี้มูล 'พล.ต.อ.วิระชัย' ผิดวินัยร้ายแรง ปมคลิปเสียงยิงรถ 'บิ๊กโจ๊ก'
ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้อง 'ชนสิษฎ์'กับพวก รวม8คน ชี้มูลความผิด 'พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา' ผิดวินัยร้ายเเรง ปม คลิปโทรศัพท์การสนทนากรณีมีคนร้ายยิงรถยนต์ของ 'บิ๊กโจ๊ก'
30 มี.ค. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อท.144/2563 ที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รอง ผบ.ตร.อดีตจเรตำรวจเเห่งชาติ,พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี, พล.ต.ต.วีระวิทย์ วัจนะพุกกะ, พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์, พ.ต.อ อุกฤษฏ์ ศรีเสือขาม, พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ, พ.ต.อ.สมเกียรติ ค้ำชู และ พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยม ทั้ง 8 คน เป็นจำเลย ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้ง8เป็นเจ้าพนักงานและมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง จัดทำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ขณะนั้น) ผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 24/2563 กรณีสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับคลิปโทรศัพท์การสนทนากรณีมีคนร้ายยิงรถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กับโจทก์
จำเลยทั้ง8ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันจัดทำรายงานพร้อมสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำของโจทก์ โดยได้กล่าวหาว่าการกระทำของโจทก์ดังกล่าวมีมูลเพียงพอรับฟังได้ว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง เป็นการใช้ดุลพินิจโดยอำเภอใจ มิได้พิจารณาโดยใช้ดุลพินิจอย่างเที่ยงธรรมถูกต้องเหมาะสมการรายงานผลดังกล่าว เป็นเหตุให้โจทก์ถูกกล่าวหาทางคดีอาญา ถูกตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง และถูกสำรองราชการให้พ้นจากตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขาดคุณสมบัติในการได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งกรรมการข้าราชการตำรวจ
โดยก่อนหน้านี้ในชั้นตรวจฟ้องศาลมีคำสั่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่งสำเนารายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ 24/2563 และสำเนารายงานการสอบสวนตามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่ 383/2563 พร้อมสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้องทุกฉบับต่อศาล พร้อมคำสั่งให้สำรองราชการโจทก์ ตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 387/2563 นั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณา
โดยวันนี้เป็นการฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโดยศาลพิเคราะห์สรุปว่าเมื่อการมีความเห็นตามรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจำเลยทั้ง8กับพวกล้วน แต่มีมูลเหตุมาจากการกระทำของโจทก์การที่จำเลยทั้ง8กับพวกวินิจฉัยข้อเท็จจริงจากการกระทำของโจทก์ที่เกิดขึ้น แต่ความเห็นของจำเลยทั้ง8กับพวกไม่ตรงกับความเห็นของโจทก์ย่อมไม่อาจกล่าวได้ว่าการสรุปความเห็นของจำเลยทั้ง8กับพวกตามรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตตามที่โจทก์กล่าวหาคดีรับฟังไม่ได้ว่าฟ้องโจทก์มีมูลความผิด ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องโจทก์