'โฆษกราชทัณฑ์' เผยอาการ ติดโควิด 5แกนนำคณะราษฎร

'โฆษกราชทัณฑ์' เผยอาการ ติดโควิด 5แกนนำคณะราษฎร

โฆษกรมราชทัณฑ์ อัพเดทอาการ 5 แกนนำคณะราษฎร พร้อมเผยแจ้งความ หมิ่น กับเพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม

       นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์  และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงอาการของแกนนำคณะราษฎรที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวจากโควิด-19 ว่า แพทย์ประจำทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์เข้าตรวจร่างกาย และมีข้อมูลพบว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตนเองได้ หายใจปกติ    ไม่มีเหนื่อยหอบ ไอเล็กน้อย ไม่มีเจ็บคอ ไม่มีน้ำมูก หลับได้ปกติ ทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง,  นายพรหมศร วีระธรรมจารี หรือฟ้า รู้สึกตัวดี ยิ้มแย้มพูดคุย ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้,  นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง รู้สึกตัวดี ไม่มีอาการหอบเหนื่อย สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ผู้ป่วยสีหน้าสดใส ยิ้มแย้มพูดคุย หายใจปกติ ไม่มีไข้ เจ็บคอ ไม่มีปวดศีรษะ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ นอนหลับพักผ่อนได้ , นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน รู้สึกตัวดี ถามตอบรู้เรื่อง ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย มีไข้ต่ำ อ่อนเพลียและมีไอเล็กน้อย ไม่มีน้ำมูก นอนหลับพักผ่อนได้

        นายธวัชชัย  เปิดเผยต่อว่า สำหรับ นายชาติชาย แกดำ  หรือ บอย รู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่มีอาการหอบเหนื่อย ไม่มีไข้ สามารถนอนหลับพักผ่อนได้ รับประทานอาหารได้ ขับถ่ายปกติ ทั้งนี้ เมื่อ 28 สิงหาคม  ได้รับแจ้งจากนายชาติชาย มีอาการแน่นหน้าอก แพทย์จึงเอ็กซ์เรย์ปอดพบว่ามีฝ้าที่ชายปอด จึงย้ายจากโรงพยาบาลสนามมาหอผู้ป่วยโควิดเพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด  

      นายธวัชชัย  กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนกรณีที่มีเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อบัญชีว่า เพจแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เผยแพร่ข้อความและปรากฏภาพของนายวีระกิตติ์  หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข รักษาการผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่าเป็นผู้ยับยั้งการเซ็นย้ายตัวแกนนำคณะราษฎร ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ และเกิดการวิจารณ์สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง หมิ่นประมาทในที่สาธารณะ  และมีเจตนาทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจผิด จึงเตรียมดำเนินการทางกฎหมายเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลหรือกลุ่มบุคคล ที่ผลิตและเผยแพร่ข้อความดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้กรมราชทัณฑ์ จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ และขอความร่วมมือ             ไม่ส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลที่ยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม.